เรียน  อาจารย์ที่เคารพ
        ผมมีเรื่องที่อยากจะขอรบกวนเรียนปรึกษาอาจารย์ คือเรื่องมีอยู่ว่าผมได้ทำการติดป้ายเพื่อที่จะขายบ้าน หลังจากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่ง (ใช้ชื่อย่อสั้นๆว่า นาง ป. แทน) ได้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาขอเช่าบ้านหลังที่ผมติดป้ายประกาศขาย   ผมก็เลยตอบเขาไปว่าบ้านหลังนี้จริงๆแล้วผมต้องการจะขายนะ  ถ้าเกิดให้เช่าไปแล้วถ้าผมขายบ้านหลังนี้ได้ผู้เช่าจะต้องย้ายออกไปนะ   นาง ป. คนที่มาขอเช่าบ้านตอบตกลงที่จะเช่าบ้านและเข้าใจเงื่อนไขตามข้อตกลงด้วยคำพูดกับผม  เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าใจเงื่อนไขการเช่าด้วยวาจากันดีแล้ว   หลังจากนั้นก็ ผมก็ได้ทำสัญญาเช่าบ้านกับนาง ป. โดยระยะเวลาเช่าผมได้เขียนแบบยืดหยุ่นให้  นาง ป. เป็นตั้งแต่ 23 เม.ย 48 –31 ธ.ค. 48  เพราะไม่แน่ใจว่าจะขายบ้านได้ในช่วงไหน ก็เลยใส่ตัวเลขแบบเผื่อไว้ให้เขา แต่การตกลงกันด้วยวาจานั้นตกลงกันว่า ขายบ้านได้เมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบเพื่อให้ย้ายไปหาที่อยู่ใหม่   ซึ่งในเงื่อนไขข้อกำหนดในสัญญาเช่า มีอยู่ข้อหนึ่งได้ระบุข้อความว่า ในระหว่างสัญญาเช่าเมื่อมีการขายบ้านหลังนี้ให้แก่บุคคลอื่น ผู้เช่าบ้านจะต้องทำการย้ายออกไปจากบ้านที่ผู้ให้เช่า ให้เช่า  โดยที่ผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้แก่ผู้เช่าทราบด้วยวาจา หรือเป็นลายลักษณ์อักษรให้แก่ผู้เช่าทราบล่วงหน้า เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน    ซึ่งในวันที่ทำสัญญา นาง ป.ได้ขนของย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเช่าตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. 2548 เป็นต้นมา  และหลังจากนั้นเป็นต้นมา  ทุกๆวันที่ 23  ของเดือน ซึ่งเป็นวันครบกำหนดจ่ายค่าเช่าบ้าน (ใช้วิธีการโอนเงินเข้าบัญชีของผม) นาง ป.ก็จะมีปัญหาในการจ่ายชำระค่าเช่าบ้านล่าช้าให้แก่ผมทุกๆเดือน  เมื่อผมโทรศัพท์ไปทวงถามนาง ป.ก็พยายามที่จะไม่รับสาย  หรือถ้ารับสายก็จะพยายามพูดจาบ่ายเบี่ยงขอยืดเวลาออกไปอีก ซึ่งกว่าจะตามทวงค่าเช่าบ้านได้ก็จะตกประมาณ วันที่ 1 หรือ 2 ของเดือนถัดไป   สองเดือนผ่านไปมีคนสนใจมาติดต่อขอซื้อบ้านที่ผมติดประกาศขาย และทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายกันเรียบร้อย  ผมจึงรีบโทรศัพท์แจ้ง นาง ป.ด้วยวาจา ทันที ตั้งแต่ต้นเดือน  ก.ค. 2548 ว่าบ้านของผมที่ นาง ป.เช่าอยู่นั้นมีคนมาซื้อและผมได้ตกลงขายให้คนอื่นเขาไปแล้ว และผมได้ขอร้องให้ นาง. ป หาบ้านเช่าใหม่ เนื่องจากบ้านหลังที่เช่าอยู่จะต้องโอนให้เจ้าของใหม่  ดูจากท่าทาง นาง ป.ไม่พอใจผมขึ้นมาทันที และจะขอค่าขนย้ายจากผมถ้าให้ย้ายออกตอนนี้   ผมก็พยายามพูดจากับเขาดีๆอย่างมีเหตุผล  นาง ป.ก็รับปากกับผมว่าจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่อยู่ใกล้ๆกันซึ่งเปิดให้เช่า ภายในวันที่10 ส.ค.2548 และไม่ยอมจ่ายค่าเช่าบ้าน , ค่าน้ำประปา , ค่าไฟฟ้า ของเดือน ก.ค.2548 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4500 บาทโดยอ้างว่าให้หักจากเงินมัดจำที่มัดจำไว้จำนวน 6000 บาท (เป็นเงินมัดจำการเช่า 2 เดือน)พอถึงวันครบกำหนดย้ายออกที่นาง ป. รับปากได้รับปากเอาไว้ คือวันที่ 10 ส.ค.2548  ปรากฏว่า นาง ป. ก็ไม่ได้ย้ายออกตามที่รับปากเอาไว้ แถมยังบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ   ซึ่งตัวผมเองก็พยายามใจเย็นพูดจากับเขาดีๆมีเหตุผลมาโดยตลอด เพื่อให้เขาปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันไว้  ที่แย่ที่สุดคือระยะหลังๆ นาง ป.จะให้ นาย ว.ผู้เป็นสามี ออกมาข่มขู่ผมว่าจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้หรือไม่ย้ายออกก็ได้จะทำไม? แถมยังพูดจาข่มขู่ผมว่า “ คุณรู้หรือเปล่าว่าผมทำงานอะไร?“  (ซึ่งเท่าที่ผมสืบทราบมารู้ว่า นาย ว. ทำงานเป็นนักเลงอันธพาล คุมบ่อนการพนัน)  ที่ นาย ว.ออกมาพูดจาข่มขู่ผมในลักษณะนั้นเพื่ออยากจะให้ผมรู้ว่าเขาเป็นนักเลงใหญ่ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ 
 ปัญหาตอนนี้คือ ทั้ง นาง ป.และ นาย ว.ยิ่งได้ใจดูท่าทางจะไม่ยอมย้ายออกไปจากบ้านผมง่ายๆ ทั้งๆที่บ้านว่างให้เช่าที่อื่นก็มี  ที่สำคัญคือ  ค่าเช่าบ้าน , ค่าน้ำ , ค่าไฟ นาง ป.ก็ไม่ได้จ่ายผมมา 2 เดือนแล้ว  ตอนนี้ผมปวดหัวกับเรื่องนี้มากที่ต้องมาเจอคนไม่ดีเข้าไป ซึ่งตัวผมเองก็พยายามพูดจากับเขาดีๆและมีเหตุผลมาโดยตลอด และพยายามที่จะช่วยเขาหาทางออกเรื่องนี้   ตัวเขาเองยิ่งได้ใจทำตัวเหมือนนักเองผู้มีอิทธิพล  การที่ผมจะไปแลกกับคนไม่ดีอย่างนี้ผมคิดว่าไม่คุ้มค่าแน่นอน  เพราะผมเป็นคนทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว   ตอนนี้ผมเหมือนกับเดินมาถึงทางตันครับ  คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อ  ความจริงแล้วผมก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันยืดยาวบานปลายไปจนถึงขนาดฟ้องร้องกันครับ  แต่ในเมื่อเราเจรจาขอร้องเขาดีๆแล้วเขาก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง   ซึ่งคนประเภทนี้ดูแล้วค่อนข้างอันตราย  ไปอยู่ที่ไหนก็จะไปสร้างปัญหาให้คนอื่นเสมอๆ    จึงอยากจะเรียนถามอาจารย์เป็นข้อๆดังนี้
1.การฟ้องร้องคดีทางแพ่ง เพื่อขับไล่มีขั้นตอนคร่าวๆอย่างไร  และใช้ระยะเวลานานไหม?
2.เมื่อเขาไม่ยอมจ่าย ค่าเช่า ค่าน้ำ  ค่าไฟ ซึ่งทำให้เราเสียหายและมีภาระเราสามารถไปแจ้งยกเลิกการใช้มิเตอร์ไฟเพื่อตัดไฟฟ้าออก  ตัดน้ำออกไม่ให้ใช้ต่อไป ตามกฏหมายเราสามารถทำได้ไหม?(เราเป็นเจ้าของกรรมสิทธ์)
3.ค่าใช้จ่ายทนายฟ้องคดี โดยการประมาณคร่าวๆ เท่าไหร่ครับ
4.คดีลักษณะเช่นนี้การฟ้องร้องมีโอกาสชนะคดีมากไหมครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้า และขอให้อาจารย์เจริญ เจริญ ยิ่งๆขึ้นไปเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดีงามยั่งยืน