[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
ผมอยากจะสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิ์การฟ้องร้องครับ | |
สวัสดีครับ
กรณี คือ สามี(ข้าราชการ)ภรรยา (ข้าราชการครู) ได้แต่งงานและจดทะเบียนสมรสเมื่อปี พ.ศ. 2537 โดย มิได้มีบุตรด้วยกัน หลังจากนั้น ได้มีทรัพย์สินร่วมกัน คือ 1. รถยนต์ 1 คัน (เป็นชื่อของภรรยา ซื้อเมื่อปี 2546)
| |
ผู้ตั้งกระทู้ นนทบุรี :: วันที่ลงประกาศ 2006-03-14 11:13:04 IP : 203.209.25.242 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (417534) | |
--เงินบำเหน็จ-บำนาญ--เงินสหกรณ์ ของผู้ตาย จะมีระเบียบเขียนไว้ชัดเจนว่าผู้ใดจะได้รับ....จึงเป็นไปตามที่ระบุครับ....ถ้าไม่ได้ทำหนังสือระบุไว้ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับคือ คู่สมรส บุตรและบิดามารดาของผู้ตาย ญาติพี่น้องน่าจะไม่มีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งในส่วนนี้ เพราะเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาว่า เงินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะตกสู่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์...แต่จะตกแก่ผู้มีสิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น พ่อแม่ คู่สมส และบุตรเป็นต้น.... - สำหรับทรัพย์มรดกอื่น เช่น ที่ดิน รถยนต์ พี่สาวของภรรยาคุณมีสิทธิ์ขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง(หลังจากที่คุณแบ่งแล้วครึ่งหนึ่ง)..เพราะภรรยาคุณไม่มีบุตร...(ม.1629(2))ตัวอย่าง -ถ้ารถยนต์ ที่ดิน ราคา 1ล้านบาท เมื่อภรรยาเสียชีวิตคุณในฐานะคู่สมรสจะได้ส่วนแบ่ง 5 แสนบาท อีก 5 แสนบาทคุณจะต้องแบ่งกันคนละครึ่งกับพี่ภรรยา ดังนั้นคุณจะได้รับทั้งสิ้น 750,000 บาท พี่ภรรยาได้รับ 250,000 บาท นี่เป็นหลักการตามกฎหมาย...ในความเป็นจริงอาจตกลงเจรจาแบ่งกันแตกต่างจากนี้ก็ย่อมทำได้ครับ... -สำหรับที่ครอบครองก็ถือเป็นทรัพย์มรดกผู้ตายเช่นกัน..การแบ่งก็ใช้หลัการเดียวกับที่กล่าวข้างต้น (ที่ดิน รถยนต์) -คำแนะนำ..ควรใช้การเจรจาตกลงกับแบ่งปันตามสมควร...การขึ้นศาลไม่ใช่ทางออกที่ดีนักควรหาทางหลีกเลี่ยง......หลักการแบ่งมรดกไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก...แต่นักกฎหมายบางคนอาจถือโอกาสปั่นหัว......จงใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาเถิด..คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงคุณหรอก.... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2006-03-15 15:46:01 IP : 203.172.255.150 |
ความคิดเห็นที่ 2 (417543) | |
-ขออภัยอ้างเลขมาตรผิดว่า ม.1629(2) ที่ถูกคือม.1635(2) ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2006-03-15 15:53:05 IP : 203.172.255.150 |
ความคิดเห็นที่ 3 (418107) | |
ขอบคุณมากๆนะครับ สำหรับคำแนะนำทุกๆอย่าง แต่ผมขออนุญาต ถามเพิ่มเติมอีกสักนิดนะครับ กรณี ที่ดินครอบครอง 2 ผืน เนื่องจากที่ดินครอบครองนั้น ชื่อ ผู้ครอบครองเดิมเป็นของภรรยา แต่หลังจากภรรยาเสียชีวิต สามีก็ได้แจ้งเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองเป็นชื่อตนเอง ทำให้ปัจจุบัน ชื่อผู้ครอบครองที่ดิน 2 ผืนนั้นเป็น ชื่อ ของสามี กรณีนี้ พี่สาวของภรรยา จะสามารถมีสิทธิในทรัพย์สินส่วนนี้ด้วยหรือไม่ครับ อีกอย่างไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ เหมือนผมเคยได้ยินเพื่อนทนายบางท่าน บอกว่า ที่ดินครอบครอง เป็นที่ดินที่ไม่มีผลตามกฏหมาย ทำให้ไม่สามารถบังคับใช้ตามกฏหมายมรดก ได้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นนทบุรี วันที่ตอบ 2006-03-16 08:39:37 IP : 203.209.25.190 |
ความคิดเห็นที่ 4 (418245) | |
---เมื่อที่ดินที่ครอบครองเป็นทรัพย์ที่ได้มาระหว่างสมรส...เมื่อภรรยาเสียชีวิตก็กลายเป็นทรัพย์มรดก....ก็ต้องแบ่งปันในหมู่ทายาทก็คงใช้หลักการเดิมดังกล่าวข้างต้น คือสามีได้ครึ่งหนึ่งก่อน แล้วอีกครึ่งหนึ่งแบ่งกับพี่ภรรยา หรือพูดง่ายๆคุณมีสิทธิ์ได้ 3 ส่วน พี่ภรรยาได้ 1 ส่วน -สำหรับเพื่อนทนายของคุณแนะนำไว้..ก็มีเหตุผลคือการครอบครองถ้าเปลี่ยนการครอบครองแล้วคุณย่อมมีสิทธิการยึดครองดีกว่าคนอื่น.....ถ้าพี่ภรรยาขอแบ่งปันที่ดินที่ครอบครองคุณสามารถยกประเด็นนี้ขึ้นต่อสู้ได้....บางทีศาลอาจตัดสินไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อคุณก็อาจเป็นได้...... --แต่อย่างไรก็ตามผมยังยืนยันให้คุณใช้การตกลงเจรจากันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด การหาคนกลางที่น่าเชื่อถือทั้งสองฝ่ายมาช่วยไกล่เกลี่ยน่าจะมีข้อยุติที่ดีได้ครับ... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2006-03-16 10:19:33 IP : 203.172.255.150 |
ความคิดเห็นที่ 5 (418248) | |
---เมื่อที่ดินที่ครอบครองเป็นทรัพย์ที่ได้มาระหว่างสมรส...เมื่อภรรยาเสียชีวิตก็กลายเป็นทรัพย์มรดก....ก็ต้องแบ่งปันในหมู่ทายาทก็คงใช้หลักการเดิมดังกล่าวข้างต้น คือสามีได้ครึ่งหนึ่งก่อน แล้วอีกครึ่งหนึ่งแบ่งกับพี่ภรรยา หรือพูดง่ายๆคุณมีสิทธิ์ได้ 3 ส่วน พี่ภรรยาได้ 1 ส่วน -สำหรับเพื่อนทนายของคุณแนะนำไว้..ก็มีเหตุผลคือการครองครอบถ้าเปลี่ยนการครอบครองแล้วคุณย่อมมีสิทธิการยึดครองดีกว่าคนอื่น.....ถ้าพี่ภรรยาขอแบ่งปันที่ดินที่ครอบครองคุณสามารถยกประเด็นนี้ขึ้นต่อสู้ได้....บางทีศาลอาจตัดสินไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อคุณก็อาจเป็นได้...... --แต่อย่างไรก็ตามผมยังยืนยันให้คุณใช้การตกลงเจรจากันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด การหาคนกลางที่น่าเชื่อถือทั้งสองฝ่ายมาช่วยไกล่เกลี่ยน่าจะมีข้อยุติที่ดีได้ครับ... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2006-03-16 10:20:05 IP : 203.172.255.150 |
ความคิดเห็นที่ 6 (418369) | |
ขอบพระคุณๆผู้เฒ่า เป็นอย่างสูงเลย นะครับ ขอบคุณมากครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น นนทบุรี วันที่ตอบ 2006-03-16 11:46:57 IP : 203.209.25.190 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1088135 |