-หลักการการครอบครองปรปักษ์คือ  ครอบครองโดยสงบ โดยเปิดเผย โดยเจตนาเป็นเจ้าของ และครอบครองที่ดินติดต่อกัน เป็นเวลา 10 ปี....

-กรณีของคุณอนุชิต   อาจเป็นไปได้ว่ามีผู้เข้ามาครอบในที่ดินที่เป็นของญาติคุณติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีจริง  เขาจึงอ้างกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้กับเจ้าของเจ้าของที่ดินได้ว่าเขามีสิทธิดีกว่า   แต่....ดูตามที่คุณเล่ามาสิทธิที่เขาได้มาน่าจะยังไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 

-1.ถ้าเขาครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์จริงตามเหตุผลข้างต้น เมื่อญาติของคุณโอนให้คุณในฐานะผู้รับมรดก  กรรมสิทธิ์ของเขาน่าจะหมด   เพราะเปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์คนใหม่คือคุณอนุชิต....สิทธิของเขาจะเกิดขึ้นอีกต่อเมื่อคุณปล่อยให้เขาครอบครองติดต่อไปอีกโดยไม่ได้โต้แย้งเป็นเวลา 10 ปี  คือต้องเริ่มนับอายุความใหม่นับแต่วันที่คุณได้กรรมสิทธิ์

-2. แม้เขาครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์จริงแต่เขาต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินเป็นชื่อของเขา  ถ้าเขายังไม่ดำเนินการ  กรรมสิทธิ์ของเขาจึงยังไม่สมบูรณ์  คุณจึงยังมีทางแก้ไขได้

--คำแนะนำ ปัญหาของคุณเป็นทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย  ควรหาทนายปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมต่อไปครับ...คำแนะนำในที่นี้คงช่วยคุณไม่ได้มาก..แต่หวังว่าคุณคงพอมองเห็นแนวทางในการดำเนินการได้...ขอให้โชคดีครับ....

-ขอแสดความเห็นเพิ่มเติม...ผมไปค้นพบฎีกาที่ 1069-1070/2522  สรุปได้ว่าถ้ามีผู้ครอบครองปรปักษ์ครบ 10 ปี และเจ้าของที่ดินโอนที่ดินให้ทายาทในฐานะผู้รับมรดก  ศาลท่านมีความเห็นว่าทายาทผู้รับมรดกไม่สามารถยกกรรมสิทธิ์ขึ้นต่อสู้กับผู้ครอบครองปรปักษ์ได้ สรุปง่ายๆคือผู้ครอบครองปรปักษ์ยังมีสิทธิ์อ้างการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้คุณอนุชิตได้.....  ดังนั้นความเห็นของผมข้างต้นในข้อ 1  น่าจะไม่ถูกต้องจึงแสดงความเห็นเพิ่มเติมไว้เพื่อให้คุณอนุชิตได้พิจารณาอีกแนวทางหนึ่งครับ...

ขอบคุณมากครับ

ถามอีกนิดหนึ่งครับ ถ้าผมเข้าไปล้อมรั้วหรือเข้าไปทำกิน เขาจะแจ้งข้อหาบุกรุกกับผมได้ไหมครับ ในเมื่อตอนนี้ผมยังถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดอยู่