ReadyPlanet.com


ศาลพระภูมิ 3


ขอรบกวนอีกครั้งนะคะ ดิฉันยังไม่จบเรื่องศาลพระภูมิตั้งหน้าบ้านคะยังไม่จบดิฉันขอโทษที่ข้อมูลผิดตรงที่บริเวณที่ตั้งศาลหน้าบ้านไม่ได้เป็นที่ของกรมทางแต่เป็นของกรมชลประทานคะ ดิฉันได้ทำตามที่ท่านแนะนำแล้วคะไปที่ศาลแต่ทนายที่ศาลบอกว่าดิฉันฟ้องแบบคดีมโนสาเร่ไม่ได้เพราะที่ไม่ได้เป็นของดิฉัน ที่เป็นของกรมชลประทาน ต้องให้กรมชลประทานเป็นผู้ฟ้องร้อง ถ้ากรมชลประทานไม่ทำดิฉันก็รับสภาพนั้นไป ดิฉันไปกรมชลประทานเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว ทางกรมชลบอกว่าเค้าไม่ยอมรื้อก็ทำอะไรเค้าไม่ได้ ดิฉันงงคะก็พื้นที่นั้นเป็นของกรมชลทำไม่จะทำอะไรไม่ได้เลยหรือคะดิฉันก็ชาวบ้านคนหนึ่ง ดิฉันไม่รู้จะร้องความเป็นธรรมที่ไหนแล้วขอร้องเถอะคะช่วยแนะนำด้วย ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้ว



ผู้ตั้งกระทู้ ภัคจิรา :: วันที่ลงประกาศ 2013-04-27 22:56:32 IP : 125.26.1.183


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3309868)

 ถ้าเดือดร้อนเกินควร   ก็ต้องยอมเสียค่าใช้จ่าย  เพื่อจ้างทนายฟ้องฐานละเมิด ครับ.....แนวคำพิพากษาศาลฎีกา  เทียบเคียง

 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  503/2539
 
นาย เสงี่ยม ฉุยฉาย              โจทก์
 
นาย มงคล เรือนพันธ์           จำเลย
 
ป.พ.พ. มาตรา 420, 1337
ป.วิ.พ. มาตรา 142, 172 วรรคหนึ่ง
 
          ภริยาจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้แบ่งขายที่ดินให้ผู้อื่นรวมทั้งโจทก์โดยตกลงยินยอมให้ผู้ซื้อที่ดินใช้ถนนที่ยังเป็นที่ดินของผู้ขายและอยู่ติดที่ดินที่โจทก์ซื้อเพื่อเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้การที่จำเลยก่อรั้วอิฐบล็อกและปักเสาคอนกรีตตามแนวรั้วอิฐบล็อกปิดขวางหน้าที่ดินโจทก์ซื้อตลอดแนวทำให้โจทก์ได้รับความไม่สะดวกในการเข้าออกบ้านโจทก์ในที่ดินที่ซื้อสู่ที่ดินของภริยาจำเลยที่ยังคงอนุญาตให้โจทก์ใช้เพื่อออกสู่ถนนสาธารณะดังที่เคยได้รับเป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรโจทก์จึงมีสิทธิปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปด้วยการฟ้องคดีให้จำเลยรื้อถอนไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1337และแม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำดังกล่าวในที่ดินซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ก็ไม่ใช่เป็นข้อสาระสำคัญเมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณารับฟังได้ด้วยข้อกฎหมายบทใดศาลย่อมวินิจฉัยปรับบทบังคับไปตามกฎหมายนั้นไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
 
________________________________
 
          โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสิทธิครอบครองที่ดินน.ส.3 ก.เลขที่ 247 ที่ดินของโจทก์เป็นที่พักอาศัยด้านหน้าอยู่ติดกับทางสาธารณประโยชน์จำเลยได้ก่อสร้างอิฐบล็อกและเสาคอนกรีตในที่ดินซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ เป็นระยะทางยาวตลอดแนวประมาณ 18 เมตร ด้านหน้าบ้านโจทก์ปิดกั้นทางเข้าออกบ้านของโจทก์ โจทก์ไม่สามารถจะนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้าออกบ้าน และเข้าออกสู่ทางสาธารณะได้ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรั้วอิฐบล็อกและเสาคอนกรีตที่จำเลยได้สร้างปิดกั้นหน้าบ้านของโจทก์และปรับสภาพที่ดินบริเวณดังกล่าวให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์
          จำเลยให้การว่า ที่โจทก์อ้างว่าเป็นทางสาธารณประโยชน์ซึ่งอยู่ด้านหน้าติดกับที่ดินของโจทก์นั้น หาได้เป็นทางสาธารณะไม่แต่เป็นที่ดินของภริยาจำเลย ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 237 จำเลยและภริยาได้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอด ด้ายการนำดินมาถมปรับสภาพที่ดินให้เป็นทางเข้าออกบ้านจำเลยเพื่อไปสู่ทางสาธารณประโยชน์โดยหวงกันไว้เป็นที่ดินส่วนบุคคลโดยไม่เคยยกที่ดินดังกล่าวเพื่อให้เป็นทางสาธารณประโยชน์จำเลยได้ก่อสร้างแนวอิฐบล็อกและเสาคอนกรีตในที่ดินภริยาจำเลยเองไม่ได้ก่อสร้างในที่ดินสาธารณประโยชน์ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง จำเลยไม่ได้กระทำโดยจงใจ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิเสรีภาพและทรัพย์สินของโจทก์ ปัจจุบันโจทก์ยังมีทางอื่นออกไปสู่ทางสาธารณะได้อีกหลายทาง ขอให้ยกฟ้อง
          ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรั้วอิฐบล็อกและเสาคอนกรีตที่จำเลยได้สร้างปิดกั้นหน้าบ้านโจทก์ไว้ตลอดแนวและปรับสภาพที่ดินให้อยู่ในลักษณะที่โจทก์จะสามารถเข้าออกได้โดยสะดวกภายใน 7 วัน นับแต่มีคำพิพากษา หากจำเลยไม่ทำให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาโดยให้โจทก์สามารถรื้อถอนเองได้ และให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนดังกล่าว คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
          จำเลย อุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
          จำเลย ฎีกา
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของสิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 247 โดยซื้อมา ภริยาจำเลยที่ได้แบ่งขายพร้อมกับผู้อื่น ต่อมาจำเลยได้ก่อสร้างรั้วอิฐบล็อกสูง2 ฟุต และเสาคอนกรีตตามแนวรั้วอิฐบล็อกในที่ดินของภริยาจำเลยปิดขวางที่ดินหน้าบ้านโจทก์ตลอดแนวยาว 18 เมตรในปัญหาว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาปรับบทกฎหมายให้จำเลยปลดเปลื้องความเสียหาย หรือความเดือดร้อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 โดยโจทก์มิได้ขอและข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินหน้าบ้านโจทก์เป็นของภริยาจำเลยมิใช่ทางสาธารณะตามที่โจทก์ฟ้อง เป็นการพิพากษาเกินคำขอในฟ้องหรือไม่ แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะฟังได้ว่าที่ดินหน้าบ้านโจทก์ที่จำเลยสร้างรั้วอิฐบล็อกและเสาคอนกรีตเป็นของภริยาจำเลย ภริยาจำเลยยังมิได้ยกให้เป็นถนนสาธารณะตามฟ้องโจทก์ตามแต่ด้วยจากการที่ภริยาจำเลยเบิกความยืนยันว่าที่ดินตามสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย ล.1 หรือ ล.2เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ต่อมาได้แบ่งขายให้ผู้อื่นรวมทั้งโจทก์กับที่เบิกความตอบศาลว่าการแบ่งที่ดินขาย ยอมให้คนอื่นใช้ที่ดินเลขที่ 125 เดินเข้าออกได้ซึ่งตามเอกสารหมาย ล.2 ที่ดินเลขที่ 125ก็คือที่ดินตามแนวสีเหลืองในเอกสารหมาย ล.1 ตรงกับที่โจทก์อ้างว่าเป็นถนนสาธารณะที่ภริยาจำเลยเบิกความรับว่าเป็นที่ดินที่ภริยาจำเลยได้อนุญาตให้โจทก์และผู้ที่ซื้อที่ดินจากภริยาจำเลยที่ได้แบ่งขายตามเอกสารหมาย ล.1 หรือ ล.2 ไว้ใช้เข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ จึงเชื่อว่าตัวจำเลยซึ่งเป็นสามีก็ย่อมทราบข้อตกลงดังกล่าว ระหว่างโจทก์กับภริยาจำเลยดีถึงสิทธิของโจทก์ที่จะใช้ถนนหน้าบ้านโจทก์ได้เสมือนถนนสาธารณะเพราะถ้าไม่เช่นนั้นภริยาจำเลยก็น่าจะเขียนป้ายบอกให้บุคคลทั่วไปทราบว่าเป็นถนนส่วนบุคคล และภริยาจำเลยเบิกความด้วยว่าโจทก์ยังสามารถเข้าออกถนนหน้าบ้านโจทก์ได้ อันแสดงว่า เจ้าของที่ยังยินยอมให้โจทก์ใช้ถนนดังกล่าวได้เหมือนดังเดิมอยู่ ดังนั้น การที่จำเลยได้ก่อรั้วอิฐบล็อกสูงจากพื้นดินประมาณ 2 ฟุต ได้ปักเสาคอนกรีตตามแนวรั้วอิฐบล็อกขวางหน้าบ้านโจทก์ตลอดแนว ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นการทำให้โจทก์ได้รับความไม่สะดวกในการเข้าออกบ้านโจทก์สู่ที่ดินของภริยาจำเลยที่ตกลงอนุญาตให้โจทก์ใช้เสมือนถนนสาธารณะเพื่อออกสู่ถนนสาธารณะโดยไม่ได้รับความสะดวกดังที่เคยได้รับ ย่อมเป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าเป็นไปตามปกติและเหตุอันสมควรซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวจำเลยโดยตรง ภริยาจำเลยหามีส่วนร่วมด้วยไม่ และเพราะด้วยจากการกระทำของจำเลยดังกล่าว อันเป็นข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าทำให้โจทก์ต้องเสียหายและเดือดร้อน เช่นนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337ได้ให้สิทธิแก่ผู้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความเสียหายอันเกิดจากผู้ใดใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหาย เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้ตามกฎหมาย ดังนั้นแม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ก่อสร้างรั้วอิฐบล็อกและเสาคอนกรีตในที่ดินซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์หรือไม่ก็ตามจึงไม่ใช่เป็นข้อสาระสำคัญเมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณารับฟังได้ด้วยข้อกฎหมายบทใด ศาลย่อมวินิจฉัยปรับบทบังคับไปตามกฎหมายนั้น แม้โจทก์จะมิได้มีคำขอมาในท้ายฟ้องด้วยก็ตาม ดังนั้นในการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น จึงไม่เป็นการเกินคำขอ
          พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำขอในส่วนที่ให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนรั้วอิฐบล็อกและเสาคอนกรีต โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
 
 
( สุชาติ ถาวรวงษ์ - สุทธิ นิชโรจน์ - สุประดิษฐ์ หุตะสิงห์ )
ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2013-04-28 12:57:42 IP : 101.51.186.96



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.