เรียกค่าเช่าย้องหลัง

เรียกค่าเช่าย้องหลัง
เรื่องมีว่า ผมเช่าทาวเฮาส์ 1 คูหา เพื่อทำกิจการ ตอนแรกเข้าได้ทำสัญญาไว้ 1 ฉบับ เจ้าของบ้านเก็บไว้ เขียนไว้ว่าจ่ายค่าเช่า เดือนละ 7000 บาท พออยู่มา 2 ปี เจ้าของบ้านขึ้นค่าเช่า เป็น 8000 บาท แต่ไม่ได้ทำสัญญาใหม่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มาปีนี้ เจ้าของบ้านขึ้นอีกเป็น 9000 บาท ผมเลยขอออก พอผมจะออก เจ้าของบ้านมัน ไปแจ้งความว่าผมเบี้ยวค่าเช่า และจะฟ้องเรียกค่าเสียหายย้อนหลังจากผม 1 ปี รวมกว่า แสนบาท ทั้งที่ผมจ่ายตรงทุกเดือน แต่มันไม่ยอมออกใบเสร็จให้เลย ยังดีที่ หลังประมาณ 5-6 เดือนสุดท้าย ได้จ่ายโดยโอนเข้าบัญชีธนาคาร ไม่ทราบผมจะมีแนวทางสู้คดีอย่างไรบ้างครับ ผมจะเอา ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ และสลิปโอนเงินมาเป็นหลักฐานได้หรือไม่ครับ ได้ข่าวว่ามันมีสามีเป็นนักกฏหมายด้วยครับ ผมเช่ามา 5 ปีกว่าละครับ
ผู้ตั้งกระทู้ นิก :: วันที่ลงประกาศ 2012-03-15 21:18:13 IP : 192.168.200.100

[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3280390)

ถ้าถูกฟ้อง ก็ต้องยื่นคำให้การต่อสู้ ตามกำหนดนัด เรื่่องพยานหลักฐานที่คุณอ้างถึง ก็สามารถใช้ได้...ก็เป็นความผิดพลาดของคุณเอง ที่ไปเช่าอาคารอยู่ โดยไม่มีสัญญา และเก็บสัญญาคู่ฉบับไว้ และที่สำคัญ เมื่อจ่ายค่าเช่า ก็ควรเรียกใบเสร็จ ถ้าเขาไม่ออกใบเสร็จให้ ก็ไม่ควรจ่ายเงิน...การที่เคยทำสัญญา และผู้ให้เช่าไม่มอบสัญญาคู่ฉบับให้คุณ และไม่ออกใบเสร็จย่อมมีความผิด เมื่อถูกฟ้อง ควรอ้างประเด็นเหล่านี้ไว้ ในคำให้การ เพื่อให้ประเด็นต่อสู้ต่อไป...กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522

มาตรา ๓๕ อัฏฐ ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ส่งมอบสัญญาที่มีข้อสัญญาหรือมีข้อสัญญาและแบบถูกต้องตามมาตรา ๓๕ ทวิ หรือส่งมอบหลักฐานการรับเงินที่มีรายการและข้อความถูกต้องตามมาตรา ๓๕ เบญจ ให้แก่ผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่เป็นทางปฏิบัติตามปกติสำหรับการประกอบธุรกิจประเภทนั้น ๆ หรือภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาสุดแต่ระยะเวลาใดจะถึงก่อน

มาตรา ๕๗ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ส่งมอบสัญญาที่มีข้อสัญญาหรือมีข้อสัญญาและแบบถูกต้องตามมาตรา ๓๕ ทวิ หรือไม่ส่งมอบหลักฐานการรับเงินที่มีรายการและข้อความถูกต้องตามมาตรา ๓๕ เบญจ ให้แก่ผู้บริโภคภายในระยะเวลาตามมาตรา ๓๕ อัฏฐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใด ส่งมอบหลักฐานการรับเงิน โดยลงจำนวนเงินมากกว่าที่ผู้บริโภคจะต้องชำระและได้รับเงินจำนวนนั้นไปจากผู้บริโภคแล้ว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับตั้งแต่ห้าร้อยบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการประกอบธุรกิจเช่นนั้นแล้ว

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2012-03-16 10:29:40 IP : 125.26.111.44

[1]

แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *

ผู้แสดงความคิดเห็น *
อีเมล
	ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล