การที่สามีขอจดทะเบียนรับรองบุตร    น่าจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย  อย่างน้อยๆลูกจะมัหลักประกันในอนาคต   ในเรื่องสิทธิรับมรดกของพ่อ   และเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตรได้ตามสมควร  เรื่องการเบิกค่ารักษาพยาบาล   ในปัจจุบันเมื่อเข้าโรงพยาบาล    ผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล  ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด   ถ้ามีการสแกนลายมือแล้ว     โรงพยาบาลจะทำเรื่องเบิกจ่ายตรงต่อกรมบัญชีกลางเอง  ควรสอบถามสามี  หรือเจ้าหน้าที่ ให้ชัดเจนว่า   ทำไมคุณต้องสำรองจ่ายไปก่อน..เรื่องค่ารักษาฯ.....ตอบจากประสบการณ์จริง ไม่ได้คาดคะเนเอาเองครับ

สำหรับรัฐวิสาหกิจ ไม่สามารถเบิกจ่ายตรงได้ค่ะ  ไม่เหมือนกับข้าราชการ   นอกจากเป็นผุ้ป่วยใน  หากเป็นผู้ป่วยนอก ต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วนำใบเสร็จไปเบิกค่ะ  หากเป็นผู้ป่วยใน ต้องทำเรื่องเป็นคราว ๆไปค่ะ (เท่าที่ศึกษา) แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เราเป็นผู้สำรองจ่าย แต่เขาเอาใบเสร็จไปเบิก แล้วก็เงียบหายไป  แล้วต้องติดต่อกับเขาทุกครั้งที่ต้องพาลูกไปหาหมอ  เลยไม่สะดวกนักค่ะ

สำหรับผลดีของการรับรองบุตรก็เห็นด้วยค่ะ  แต่หากมีปัญหาอย่างนี้จนลูกอายุ 18 หรือ 20  เราก็คงต้องเสียค่าใช้จ่ายมากอยู่ หากเป็นค่าเล่าเรียน เราสามารถวางแผนไว้ได้  แต่หากเจ็บป่วยไข้ เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลย หากมันมากมายจนเราไม่สามารถมีเงินสำรองจ่ายได้จะทำอย่างไร  ก็คิดถึงข้อนี้ด้วยค่ะ  แต่คิดว่าเขาคงทำเรื่องปลดสิทธิ์ให้ลูกกับหน่วยงานของเขาได้ค่ะ (เท่าที่ศึกษามาอีก) แต่ก็ต้องไปขอร้องให้เขาดำเนินการให้ค่ะ 

ไม่อย่างนั้นเขาได้สิทธิ์ลูกไปลดหย่อนภาษี แต่เราต้องมานั่งรับภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายอื่น ๆที่เราต้องดูแลโดยลำพัง  ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น  

ขอบคุณค่ะที่กรุณาตอบ

คนมีทุกข์