ReadyPlanet.com


โดนจังลิขสิทธิ์เพลง (เปิดเพลงฟัง)


เรียน พี่ๆทุกท่าน ครับ

        ผมเปิดร้านส้มตำปลาเผา แล้วในช่วงกำลังเปิดร้าน (อยู่ระหว่างปัดกวาดเพื่อเตรียมเปิดร้าน) คนงานได้เปิดเพลงจากซีดีที่ซื้อมา เสก โลโซ  ฟังไปทำงานไป ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่อ้างว่า เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของค่าย ผมดูแล้วมีเอกสารถูกต้องทุกอย่าง พร้อมทั้งโดยแจ้งขอหา เผยแพร่งานอันมีลิขสิทธิ์ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาต (ร้านค้าอยู่ติดกับถนนครับ นอกร้านค้าจะมีคนเดินผ่านไปมา)

       ต้องเสียค่าปรับ 5 หมื่น บาท ผมก็พอตามเรื่องนี้มาบ้างเลยพูดไปว่ามีฏีกาออกมาแล้วว่าผมไม่ผิด ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า มึงไม่ต้องพูดมากไปโรงพักกับกู หัวหมอนัก มึงเก่งนักไปสู้กันในศาล อย่างน้อยมึงรีบเตรียมเงินมาประกันได้เลย แล้วในขณะเดินทางไปกับทางเจ้าหน้าที่นั้น ได้มีการเกลี้ยกล่อม (พูดดีหวานน่ารักมาก) "ว่าพี่ลองคิดดุนะผมก็เห็นใจพี่นะที่พี่พูดมานั้นมันก็เป็นความเข้าใจของพี่ แต่พี่รุ้มั๊ยหากพี่สู้ไปพี่ต้องเสียเวลา เสียเงินค่าประกันตัว อะไรอีกต่างๆนาๆ หากจ้างทนายความก็หลายหมื่น เอางี้แล้วกันถ้าพี่มีเงิน 2 หมื่น ผมจบทันทีเลย แล้วพี่ค่อยไปขออนุญาตให้มันถูกต้อง....ฯลฯ"

    สุดท้าย ผมเลยต้องกดเงินให้ไปเนื่องจากคิดไปแล้วมันก็ต้องเสียอะไรหลายๆอย่าง !

    ผมจึงเรียนมาถามว่า

1.ที่ผมเปิดเพลงฟัง ตอนยังไม่เปิดร้านนั้น เป็นการเผยแพร่งานอันมีลิขสิทธิ์ต่อสาธารณะชนแล้วหรือ 

2.ไอ้ที่ผมอ้างกฏหมายไปนั้น มันไม่กลัวเลย มันบอกแพ้ชนะว่ากันในศาล แต่ที่แน่ๆ ผมต้องไปหาเงินประกันตัวก่อน 5 หมื่น ริบของกลางด้วย และต้องเสียเวลาเสียเงินจ้างทนายอีกไม่รู้กี่หมื่น นั้น ตกลงที่ถูกต้องผมควรทำอย่างไรครับ 

   ขอบคุณครับ

       



ผู้ตั้งกระทู้ ประชาชนตาดำๆ :: วันที่ลงประกาศ 2014-06-24 16:14:04 IP : 101.109.248.9


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3660471)

1.ที่ผมเปิดเพลงฟัง ตอนยังไม่เปิดร้านนั้น เป็นการเผยแพร่งานอันมีลิขสิทธิ์ต่อสาธารณะชนแล้วหรือ 

ตอบ....อาจไม่เป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือหากำไร   แต่...ก็ดังที่ตำรวจบอก  ถ้าจะสู้คดีก็ได้   แต่ต้องมีค่าใช้มากมาย   เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา   และเสียความรู้สึก    แม้จะชนะคดี ดังตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกมาข้างล่าง   แต่คุณก็เจ็บเช่นเดิม  ตำรวจรู้ดีในเรื่องนี้   จึงถือโอกาสรีดไถ   โดยใช้กฎหมายเป็นเครืองมือ.....อยากบอกคุณว่า  คุณคิดถูกแล้ว   ที่ยอมฟาดเคราะห์ไป 2 หมื่นบาท ครับ

2.ไอ้ที่ผมอ้างกฏหมายไปนั้น มันไม่กลัวเลย มันบอกแพ้ชนะว่ากันในศาล แต่ที่แน่ๆ ผมต้องไปหาเงินประกันตัวก่อน 5 หมื่น ริบของกลางด้วย และต้องเสียเวลาเสียเงินจ้างทนายอีกไม่รู้กี่หมื่น นั้น ตกลงที่ถูกต้องผมควรทำอย่างไรครับ 

ตอบ...เขาจะไปกลัวอะไร   เพราะรู้ช่องทางในเรื่องดี    คือตำรวจมีแต่ได้กับได้   ดังนั้นคนกลุ่มนี้ จึงตระเวณ  หากินทั่วประเทศไทย   ร้านขายอาหารเล็กๆน้อยๆ  โดนยึดเครื่องคอมพ์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง   หมดเนื้อหมดตัวไปมากต่อมาก  เพราะกฎหมายลิขสิทธิ์  ก็ไม่ต่างจากกฎหมายทาส   คือ  ลงทุนซื้อแผ่นซีดีเพลงมาแล้ว   ไม่สามารถเปิดให้ใครฟังได้   นำไปขายก็ไม่ได้  ต้องแอบฟังในบ้านเรือนเท่านั้น  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีกฎหมายแบบนี้ ในยุค ศตวรรษที่ 21   แต่เรื่องของผลประโยชน์  พูดไปก็ไม่ต่างจากลมพัดผ่านขุนเขา   ก็ไม่มีอะไรสะดุ้งสะเทือน ครับ

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10579/2551
พนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์
     โจทก์
นางอัญชลี บุญอุทิศ
     จำเลย

 
ป.วิ.อ. มาตรา 185
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26

 
          โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์...” ความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องเป็นการกระทำแก่งานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น “เพื่อหากำไร” เท่านั้น แต่ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องปรากฏแต่เพียงว่า จำเลยเปิดแผ่นเอ็มพีสามและซีดีเพลงให้ลูกค้าในร้านอาหารได้ร้องและฟังเพลงของผู้เสียหาย 1 แผ่น “เพื่อประโยชน์ในทางการค้า” ขายอาหารและเครื่องดื่มของจำเลยแต่ไม่ปรากฏในคำฟ้องว่าจำเลยกระทำเพื่อหากำไรโดยตรงจากการที่ให้ลูกค้าได้ร้องและฟังเพลงโดยเรียกเก็บค่าตอบแทนจากลูกค้าในการเปิดเพลงดังกล่าวหรือเรียกเก็บรวมไปกับค่าอาหารและเครื่องดื่มแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ตาม พ.ร.บ.จั้ดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 185
 
________________________________
 

 

 

 
 
( พรเพชร วิชิตชลชัย - พลรัตน์ ประทุมทาน - บุญรอด ตันประเสริฐ )

          โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 17, 31, 70, 76 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ริบของกลาง และสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
          จำเลยให้การรับสารภาพ
          ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนให้แก่เจ้าของ
          โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
          ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์...” ความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องเป็นการกระทำแก่งานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น “เพื่อหากำไร” เท่านั้น แต่ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมานั้นปรากฏว่าจำเลยเปิดแผ่นเอ็มพี 3 และซีดีเพลงให้ลูกค้าในร้านอาหารของจำเลยได้ร้องและฟังเพลงของผู้เสียหาย จำนวน 1 เพลง เพียง เพื่อประโยชน์ในทางการค้าขายอาหารและเครื่องดื่มของจำเลย ตามคำบรรยายฟ้องดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำเพื่อหากำไรโดยตรงจากการที่ให้ลูกค้าได้ร้องและฟังเพลง โดยเรียกเก็บค่าตอบแทนจากลูกค้าในการเปิดเพลงดังกล่าว หรือเรียกเก็บรวมไปกับค่าอาหารและเครื่องดื่มแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 เพราะไม่ครบองค์ประกอบความผิดของบทมาตราดังกล่าวซึ่งต้องเป็นการกระทำเพื่อหากำไรโดยตรงจากการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
          พิพากษายืน.

 

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2014-06-25 08:02:45 IP : 101.51.168.196


ความคิดเห็นที่ 2 (3660858)

ต้องขอขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับคำแนะนำจาก คุณมโนธรรม ที่อ่านแล้วเข้าใจกระชับ ชัดเจน แต่อย่างน้อยๆมันก็ทำให้ผมเข้าใจได้ว่า คำพิพากษานี้ มันแทบช่วยอะไรกับผู้ประกอบกิจการไม่ได้เลยจริงๆ (ชนะก็เสียเงิน แพ้ก็เสียเงิน แถมอาจต้องโดนจำคุกอีก)  และ ต่อจากนี้ไปพวกจัดเก็บลิขสิทธิ์ เข้ามาอ่านแล้ว....ยิ่งจะทำมากขึ้นเป็นลำดับ เพื่อหาเงินเข้ากะเป๋าพวกมัน...แล้วทีนี้ใครๆก็อยากเข้าทำงานฝ่ายติดตามและจับกุมเพราะว่ามันมีช่องทางในการหาผลประโยชน์กับ คนทำมาค้าขาย..ที่ยังไม่รู้กฎหมาย..เพราะเค้าไม่ได้เรียนกฎหมาย

(((((ผมเชื่อว่าการศักษาไม่ได้วัดคุณค่าของความเป็นคน แต่ผมไม่แน่ใจว่าการศึกษามันทำให้คนเรามีจิตสำนึกที่ดีหรือไม่)))))

มันอาจจะดูถูกต้อง แต่มันไม่ถูกศิลธรรม ทำไมไม่ตักเตือนเค้าก่อนเพราะเค้าไม่รู้ว่ามันเป็นความผิด และที่สำคัญการกระทำของผมมันอาจไม่ใช่ความผิดด้วยซ้ำ ผมอาจจะโกธรเค้าไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมจะบอกเค้าคือ (((((((ผมเสียใจในสิ่งที่คุณทำกับผม))))))) ขอบคุณครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ประชาชนตาดำๆ วันที่ตอบ 2014-06-25 13:52:03 IP : 101.109.248.9



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.