ReadyPlanet.com


คดีพยายามฆ่า ค่ะ


อยากทราบเรื่องคดีความพยามยามฆ่าค่ะ

คือแฟนหนูนั่งกินเหล้ากับเพื่อน 2 คนแต่มีปากเสียงกันก็เลยวิ่งเอาปืนในบ้านมายิง ปรากฎว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวเกิน 10 วัน แฟนหนูทั้งเมาและตกใจจึงหลบหนีไป 3 ปีแล้ว แต่ตอนนี้อยากกลับมาสู้คดี พอจะมีทางออกในเรื่องนี้อย่างไรบ้างค่ะและมีสิทธิ์ติดคุกกี่ปี. รบกวนช่วยแนะนำหน่อยค่ะ. (ในเหตุการณ์มี 2 คนเท่านั้นค่ะไม่มีพยานเลย)  ขอบคุณค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ Richy :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-14 14:33:37 IP : 192.168.6.108


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3301072)

จากข้อเท็จจริง  คงเป็นการพยายามฆ่า   คงได้ลดโทษ หนึ่งในสาม ของ ม.288   คือมีโทษจำคุกตลอดชีวิต  ก็ต้องดูรายละเอียดของการสอบสวนของร้อยเวรเจ้าของคดีอีกที  ว่าถูกตั้งข้อหาอะไร  อย่างไรก็ตามคดีนี้มีอายุความฟ้องร้อง 20 ปี....ถ้ามอบตัวต่อสู้คดี การจะถูกลงโทษเท่าไร  เป็นดุลยพินิจของศาลเท่านั้น...ก่อนมอบตัวควรปรีกษาทนายความเพื่อวางแนวทางในการต่อสู้คดีที่รัดกุม.......แนวคำพิพากษาศาลศาลฎีกาเทียบเคียง...

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4367/2544

พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด

     โจทก์

นาย เชิงชาย กัลยาณมิตร

     จำเลย

 

ป.อ. มาตรา 81

พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8, 72 ทวิ

 

          จำเลยใช้อาวุธปืนเล็งยิงผู้เสียหายในระยะกระชั้นชิดแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า แต่อาวุธปืนนั้นมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้เพราะระบบลั่นไกชำรุด จึงไม่สามารถใช้ยิงผู้เสียหายให้ถึงแก่ความตายได้กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 81

           ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต กฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องใช้ยิงได้จึงจะเป็นความผิด เมื่อเป็นอาวุธปืนตามความหมายของกฎหมายและจำเลยพาติดตัวไป แม้อาวุธปืนนั้นใช้ยิงไม่ได้ ก็ถือว่าจำเลยกระทำความผิดตามกฎหมายแล้ว

 

________________________________

 

          โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายสมาน แซ่ดาหรือแซ่คา จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 502/2534 ของศาลชั้นต้น ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองยาวขนาดเบอร์ 12 เครื่องหมายทะเบียนปืน กท. 54293 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด ซึ่งเป็นอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตแล้วไว้ในครอบครองโดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย จำเลยกับพวกร่วมกันพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง และตามถนนในหมู่บ้านภาณุช แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร อันเป็นทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุอันควร และไม่เป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ จำเลยกับพวกโดยมีเจตนาฆ่า ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายสุระ นานา นางสาวสุนิสา นานา นายมนตรี โพธิ์บริสุทธิ์ และนางจันทรา นานา ผู้เสียหายทั้งสี่ จำเลยกับพวกร่วมกันลงมือกระทำความผิด โดยใช้อาวุธปืนเล็งและลั่นไกยิงไปที่ผู้เสียหายทั้งสี่แล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนด้าน ผู้เสียหายทั้งสี่จึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลาง

          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 81 ลงโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน ริบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก

          โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน สำหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ให้จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 2 ปี 1 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

          จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องผู้เสียหายทั้งสี่มีเรื่องโต้เถียงกันกับจำเลยที่บ้านของผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 ขณะนั้นมีนายสมาน แซ่ดาหรือแซ่คา อยู่ที่บริเวณที่เกิดเหตุด้วย และหลังจากเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายสมานและยึดอาวุธปืนของกลางซึ่งไม่อาจใช้ยิงได้เพราะระบบลั่นไกชำรุด โดยอาวุธปืนของกลางเดิมเป็นของพระยากัลยาณวัฒนวิศิษฎ์ บิดาของจำเลยตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งต่อมาอาวุธปืนของกลางดังกล่าวตกเป็นมรดกได้แก่จำเลย คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการแรกว่า จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนางจันทรา นานา ผู้เสียหายที่ 2 กับนางสุนิสา นานา ผู้เสียหายที่ 3 เป็นพยานเบิกความยืนยันว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 22 นาฬิกา จำเลยมากดกริ่งที่หน้าบ้านนายสุระ นานา ผู้เสียหายที่ 1 ได้ออกไปพบจำเลย จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราได้บอกให้ผู้เสียหายที่ 1 นำรถยนต์ไปจอดไว้ในบ้าน แต่ผู้เสียหายที่ 1 บอกกับจำเลยว่าไม่ได้จอดรถยนต์เกะกะให้จำเลยกลับไปนอน จำเลยยอมกลับไป ต่อมามีวัยรุ่นประมาณ 3 ถึง 4 คน ได้มาถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีก ผู้เสียหายทั้งสี่ได้ออกไปที่นอกรั้วหน้าบ้าน โดยผู้เสียหายที่ 1 บอกวัยรุ่นที่มาว่าคนเมามาสั่งให้เลื่อนรถยนต์ ระหว่างนั้นจำเลยได้กลับมาอีกโดยถืออาวุธปืนยาวมาด้วยพอมาอยู่ห่างจากพวกผู้เสียหายทั้งสี่ประมาณ 5 เมตร จำเลยได้ยกอาวุธปืนเล็งยิงมาที่กลุ่มพวกผู้เสียหาย พร้อมกับมีเสียงดังแชะวัยรุ่นคนหนึ่งได้วิ่งเข้าไปแย่งอาวุธปืนจากจำเลยและเล็งยิงมาที่กลุ่มผู้เสียหายอีกโดยมีเสียงดังแชะอีกด้วย ผู้เสียหายที่ 1 จึงเข้าไปแย่งอาวุธปืนดังกล่าวจากวัยรุ่นคนนั้น เห็นว่า ตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.8 ขณะที่จำเลยเล็งอาวุธปืนไปที่กลุ่มผู้เสียหายและมีเสียงดังแชะ จำเลยอยู่ห่างจากกลุ่มผู้เสียหายทั้งสี่ประมาณ 7 เมตร เท่านั้นและลักษณะที่จำเลยนำอาวุธปืนมาเพื่อจะยิงพวกผู้เสียหายก็เป็นการนำมาทันทีหลังจากที่เกิดโต้เถียงกับกลุ่มผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าพวกผู้เสียหาย เพราะหากจำเลยทราบมาก่อนว่าอาวุธปืนใช้ยิงไม่ได้จำเลยคงไม่กลับไปเอาอาวุธปืนย้อนกลับมายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง การที่จำเลยใช้อาวุธปืนเล็งยิงผู้เสียหายทั้งสี่ในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาว่าอาวุธปืนนั้นมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้จึงไม่สามารถใช้ยิงพวกผู้เสียหายทั้งสี่ให้ถึงแก่ความตายได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่ากรณีต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2012-10-15 11:11:32 IP : 101.51.190.241


ความคิดเห็นที่ 2 (3301073)

 

จากข้อเท็จจริง คงเป็นการพยายามฆ่า   คงได้ลดโทษ หนึ่งในสาม ของ ม.288   คือมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ก็ต้องดูรายละเอียดของการสอบสวนของร้อยเวรเจ้าของคดีอีกที ว่าถูกตั้งข้อหาอะไร อย่างไรก็ตามคดีนี้มีอายุความฟ้องร้อง 20 ปี....ถ้ามอบตัวต่อสู้คดี การจะถูกลงโทษเท่าไร เป็นดุลยพินิจของศาลเท่านั้น...ก่อนมอบตัวควรปรีกษาทนายความเพื่อวางแนวทางในการต่อสู้คดีที่รัดกุม.......แนวคำพิพากษาศาลศาลฎีกาเทียบเคียง...

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4367/2544
พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด
     โจทก์
นาย เชิงชาย กัลยาณมิตร
     จำเลย

 
ป.อ. มาตรา 81
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8, 72 ทวิ
 
          จำเลยใช้อาวุธปืนเล็งยิงผู้เสียหายในระยะกระชั้นชิดแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าแต่อาวุธปืนนั้นมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้เพราะระบบลั่นไกชำรุดจึงไม่สามารถใช้ยิงผู้เสียหายให้ถึงแก่ความตายได้กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 81
           ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตกฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องใช้ยิงได้จึงจะเป็นความผิดเมื่อเป็นอาวุธปืนตามความหมายของกฎหมายและจำเลยพาติดตัวไปแม้อาวุธปืนนั้นใช้ยิงไม่ได้ ก็ถือว่าจำเลยกระทำความผิดตามกฎหมายแล้ว
 
________________________________
 
          โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายสมาน แซ่ดาหรือแซ่คาจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 502/2534 ของศาลชั้นต้นได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองยาวขนาดเบอร์ 12 เครื่องหมายทะเบียนปืน กท. 54293 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 นัดซึ่งเป็นอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตแล้วไว้ในครอบครองโดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายจำเลยกับพวกร่วมกันพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมืองและตามถนนในหมู่บ้านภาณุช แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานครอันเป็นทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่เป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์จำเลยกับพวกโดยมีเจตนาฆ่า ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายสุระ นานานางสาวสุนิสา นานา นายมนตรี โพธิ์บริสุทธิ์ และนางจันทรา นานา ผู้เสียหายทั้งสี่จำเลยกับพวกร่วมกันลงมือกระทำความผิดโดยใช้อาวุธปืนเล็งและลั่นไกยิงไปที่ผู้เสียหายทั้งสี่แล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะกระสุนปืนด้าน ผู้เสียหายทั้งสี่จึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลาง
          จำเลยให้การปฏิเสธ
          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 81 ลงโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือนริบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
          โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน สำหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ให้จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 2 ปี 1 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
          จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องผู้เสียหายทั้งสี่มีเรื่องโต้เถียงกันกับจำเลยที่บ้านของผู้เสียหายที่ 3 และที่ 4 ขณะนั้นมีนายสมาน แซ่ดาหรือแซ่คา อยู่ที่บริเวณที่เกิดเหตุด้วยและหลังจากเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนายสมานและยึดอาวุธปืนของกลางซึ่งไม่อาจใช้ยิงได้เพราะระบบลั่นไกชำรุดโดยอาวุธปืนของกลางเดิมเป็นของพระยากัลยาณวัฒนวิศิษฎ์บิดาของจำเลยตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งต่อมาอาวุธปืนของกลางดังกล่าวตกเป็นมรดกได้แก่จำเลยคดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการแรกว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีนางจันทรา นานา ผู้เสียหายที่ 2 กับนางสุนิสา นานา ผู้เสียหายที่ 3 เป็นพยานเบิกความยืนยันว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 22 นาฬิกาจำเลยมากดกริ่งที่หน้าบ้านนายสุระ นานา ผู้เสียหายที่ 1 ได้ออกไปพบจำเลยจำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราได้บอกให้ผู้เสียหายที่ 1 นำรถยนต์ไปจอดไว้ในบ้าน แต่ผู้เสียหายที่ 1 บอกกับจำเลยว่าไม่ได้จอดรถยนต์เกะกะให้จำเลยกลับไปนอน จำเลยยอมกลับไปต่อมามีวัยรุ่นประมาณ 3 ถึง 4 คน ได้มาถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกผู้เสียหายทั้งสี่ได้ออกไปที่นอกรั้วหน้าบ้าน โดยผู้เสียหายที่ 1 บอกวัยรุ่นที่มาว่าคนเมามาสั่งให้เลื่อนรถยนต์ระหว่างนั้นจำเลยได้กลับมาอีกโดยถืออาวุธปืนยาวมาด้วยพอมาอยู่ห่างจากพวกผู้เสียหายทั้งสี่ประมาณ 5 เมตร จำเลยได้ยกอาวุธปืนเล็งยิงมาที่กลุ่มพวกผู้เสียหายพร้อมกับมีเสียงดังแชะวัยรุ่นคนหนึ่งได้วิ่งเข้าไปแย่งอาวุธปืนจากจำเลยและเล็งยิงมาที่กลุ่มผู้เสียหายอีกโดยมีเสียงดังแชะอีกด้วยผู้เสียหายที่ 1 จึงเข้าไปแย่งอาวุธปืนดังกล่าวจากวัยรุ่นคนนั้น เห็นว่าตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.8 ขณะที่จำเลยเล็งอาวุธปืนไปที่กลุ่มผู้เสียหายและมีเสียงดังแชะจำเลยอยู่ห่างจากกลุ่มผู้เสียหายทั้งสี่ประมาณ 7 เมตรเท่านั้นและลักษณะที่จำเลยนำอาวุธปืนมาเพื่อจะยิงพวกผู้เสียหายก็เป็นการนำมาทันทีหลังจากที่เกิดโต้เถียงกับกลุ่มผู้เสียหายข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าพวกผู้เสียหายเพราะหากจำเลยทราบมาก่อนว่าอาวุธปืนใช้ยิงไม่ได้จำเลยคงไม่กลับไปเอาอาวุธปืนย้อนกลับมายังที่เกิดเหตุอีกครั้งการที่จำเลยใช้อาวุธปืนเล็งยิงผู้เสียหายทั้งสี่ในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าแต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ยุติตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาว่าอาวุธปืนนั้นมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้จึงไม่สามารถใช้ยิงพวกผู้เสียหายทั้งสี่ให้ถึงแก่ความตายได้ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่ากรณีต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81 นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีอาวุธปืนชำรุดไม่อาจใช้ยิงได้และพาไปในทางสาธารณะย่อมจะไม่เป็นความผิดนั้นเห็นว่าความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นกฎหมายมิได้จำกัดเฉพาะว่าอาวุธปืนนั้นจะต้องใช้ยิงได้ จึงจะเป็นความผิดและตามความคาดคิดของบุคคลทั่วไปหากไม่ล่วงรู้มาก่อนย่อมต้องนึกว่าอาวุธปืนดังกล่าวสามารถประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายได้แม้อาวุธปืนนั้นไม่อาจใช้ยิงได้คนร้ายอาจนำไปใช้ประกอบอาชญากรรมทั่วไปได้หากจะแปลว่าต้องใช้บังคับเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้ยิงได้เท่านั้นผู้มีเจตนาร้ายอาจอาศัยช่องว่างของกฎหมายแยกชิ้นส่วนของอาวุธปืนออกแล้วพกพานำไปประกอบเข้าด้วยกันในภายหลัง โดยถือว่าการพาไปเช่นนั้นไม่เป็นความผิดความประสงค์ของบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวก็จะไร้ผล ดังนั้นเมื่ออาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนตามความหมายของกฎหมายและจำเลยพาติดตัวไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดแล้วแม้อาวุธปืนนั้นใช้ยิงไม่ได้ก็ถือว่าจำเลยกระทำความผิดตามกฎหมายแล้วฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น"
          พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 จำคุก 1 ปี และความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง โดยปรับ 8,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 1 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
 
 
( เรืองฤทธิ์ ศรีวรรธนะ - วิชัย วิวิตเสวี - พลประสิทธิ์ฤทธิ์รักษา )
 
 
 
ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2012-10-15 11:14:37 IP : 101.51.190.241


ความคิดเห็นที่ 3 (3301128)

 ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ

- คือตอนนี้ปืนที่เป็นของกลางแฟนหนูทำหายตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วค่ะเพราะเขาตกใจก็เลยทิ้งไว้ระหว่างหลบหนีค่ะ

- แล้วถ้าในกรณีที่คู่กรณียินดียอมความจะมีผลต่อคดีอย่างไรบ้างค่ะ (เนื่องจากตอนที่รักษาตัวคุณพ่อเคยช่วยในส่วนของค่ารักษาพยาบาลประมาณ 5 หมื่นบาทค่ะ. แต่ไม่มีเป็นลายลักอักษรค่ะ ). ไม่แน่ใจว่าพอจะช่วยได้บ้างหรือเปล่าเพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน

- แล้วต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการสู้คดีประมาณเท่าไหร่ค่

(หนูเครียดกับเรื่องนี้มากเพราะไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆ. รบกวนหน่อยนะคะ).      ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Rischy วันที่ตอบ 2012-10-16 07:23:15 IP : 192.168.6.108


ความคิดเห็นที่ 4 (3301171)

 ถ้าหาปืนไม่พบ   น่าจะเป็นผลดี  ต่อจำเลย.....คดีนี้ไม่สามารถยอมความได้   แต่การช่วยบรรเทาความเสียหาย  คือช่วยค่ารักษาพยาบาล   ก็ย่อมมีผลให้ศาลปรานี  คงมีการลดโทษลงบ้าง...ค่าใช้จ่ายคงกำหนดแน่นอนไม่ได้   ก็อยู่ที่ตกลงกับทนายความเอาเอง    ถ้าไม่มีเงินจ้างทนายความ  จะให้ศาลตั้งทนายความให้ก็ได้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2012-10-16 14:31:16 IP : 101.51.162.146


ความคิดเห็นที่ 5 (3301440)

แต่เงินที่ให้ไปไม่ได้ทำอะไรไว้เป็นหลักฐานเลยนะคะ. แล้วทนายความที่ศาลตั้งให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเปล่าค่ะ

ในส่วนนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประกันตัวหรือเปล่าค่ะ. ถ้่าเสียต้องเตรียมไว้เท่าไหร่. และค่าใช้จ่ายในการสู้คดีเกินแสนหรือเปล่าค่ะ. รบกวนประมาณให้หน่อยนะคะหนูไม่มีความรู้ด้านนี้จริงๆค่ะ. จะได้เตรียมในเรื่องค่าใช้จ่ายไว้เพราะทางบ้านไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ค่ะ. แต่ก็ไม่อยากปล่อยไว้อย่างนี้เพราะสงสารแฟนค่ะ

         ขอบคุณมากนะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Richy วันที่ตอบ 2012-10-19 18:48:42 IP : 192.168.1.102


ความคิดเห็นที่ 6 (3301528)

 ทนายความที่ศาลตั้งให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเปล่าค่ะ

ตอบ...ทนายอาสา  คุณไม่ต้องจ่ายค่าทนาย  เพราะมีระเบียบของรัฐจ่ายค่าตอบแทนให้แล้ว คือรัฐจ่ายให้เอง  คงประมาณ 3 หมื่นบาทครับ

ในส่วนนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประกันตัวหรือเปล่าค่ะ. ถ้่าเสียต้องเตรียมไว้เท่าไหร่. 

 

ตอบ...อัตราประกันตัว  คิดอัตรา จากโทษจำคุก ปีละ  2 หมื่นบาท  ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าถูกตั้งข้อหาอะไร  ก็คงมีวงเกินประกันประมาณ 2-5 แสนบาท...มีนักประกันอิสระรับบริการ  ประกันตัวให้ ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่บริเวณศาล ก็ติดต่อสอบถามเขาดู ก็คิดอัตราค่าบริการ ประมาณ  10 % ถ้าศาลตีราคาประกัน  2 แสนบาท  คุณก็จ่ายค่าบริการ 2 หมื่นบาทเป็นต้น

 

และค่าใช้จ่ายในการสู้คดีเกินแสนหรือเปล่าค่ะ. รบกวนประมาณให้หน่อยนะคะหนูไม่มีความรู้ด้านนี้จริงๆค่ะ. จะได้เตรียมในเรื่องค่าใช้จ่ายไว้เพราะทางบ้านไม่ค่อยมีเงินเท่าไหร่ค่ะ. แต่ก็ไม่อยากปล่อยไว้อย่างนี้เพราะสงสารแฟนค่ะ

 

ตอบ....ค่าใช้จ่ายอื่นๆ  น่าจะไม่มี   

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2012-10-21 10:03:49 IP : 101.51.172.183


ความคิดเห็นที่ 7 (3302958)

 ปืนที่ใช้ยิงเป็นปืนของพ่อและรับราชการอยู่จะมีผลกระทบกับพ่อหรือเปล่าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น Richy วันที่ตอบ 2012-11-12 19:26:17 IP : 192.168.1.147


ความคิดเห็นที่ 8 (3315888)

 แฟนหนูโดนแทงในง่านเลี้ยงบริษัทเขาบอกว่าแทงผิดตัวหนูแจงความพยายามฆ่าเพราะแฟนหนูโดนแทงปอดทะลุอันนี้เขาจะมีโทษอย่างไรบ้างค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แพท วันที่ตอบ 2014-02-11 15:51:09 IP : 49.230.174.58


ความคิดเห็นที่ 9 (3652556)

 อยากรบกวน ถามเรื่องคดีพยามฆ่าว่าเป็นอย่างไร ขนาดไหนหรอค่ะถึงเรียกว่าพยามฆ่า

เรื่องคือ ว่า น้องถูกทำร้าย อาการสาหัสมาก ถูกมีดฟันที่หัว หลายแผล แขนหัก นิ้วหัก แต่พอไปแจ้งความตำรวจบอกว่าแจ้งข้อหาพยามฆ่าไม่เพราะไม่ได้มีอาวุธปืน หรืออาวุธร้ายแรง แต่คนปางตายเลยค่ะไม่เข้าใจ ความจริงเป้ฯอย่างไรกันแน่ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ดำรงค์ กรวยทอง (bblbombom45-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2014-06-09 13:17:59 IP : 58.9.157.176


ความคิดเห็นที่ 10 (3843587)

 ขอโทษนะค่ะ 🙏🙏 

พอดีแฟนหนูมีปัญหากับอริแต่อริไม่เอาเรื่องแต่เจ้าของบ้านเอาเรื่องเอาเพราะแฟนหนูเอาปืนจ่อเขาเขาเลยแจ้งความตอนนี้แฟนหนูอายุ17อยากจะทราบว่าถ้าแฟนติดสถานพินิจจะติดนานแค่ไหนเพราะหนูมีลูกด้วยกันตอนนี้ลูกก็จะขวบแล้วหนูคเดียวคงเลี้ยงลูกไม่ไหว

#ใครที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ช่วยติดต่อทางไลน์ได้ค่ะ 🆔Ka.Tay99

ผู้แสดงความคิดเห็น เบอร์ติดต่อ 0928264580 วันที่ตอบ 2015-07-19 22:32:13 IP : 49.230.212.243


ความคิดเห็นที่ 11 (4039346)

 สอบถามครับ ขอคำแนะนำ คุณพ่อโดนข้อหาพยามฆ่าซึ่งศาลนครนายกตัดสินแล้ว ผมขอคำแนะนำและผู้ที่มีความรู้ช่วยสงเคราะห์ด้วยครับ เนื่องจากเหตุวันนั้นเป็นเวลาค่ำประมาณสองทุ่มกว่าๆ คุณพ่อเป็นเกษตรกร จะสะพานปืนลูกกรดที่ใช้ยิงไล่นกและตระกวดในบ่อปลา และเนื่องจากเป็นคนแก่ผมเองเป็นห่วงเพราะตัวเองมาทำงานในกทมเลยซื้อปืนให้พ่อติดตัวไว้ เหตุที่ซื้อปืนบ้านนอกจะมีขโมยปล้นของกันอยู่บ่อยๆแม้กล้องวงจรปิดติดไว้มันก็ยังขโมยไปได้. แจ้งตำรวจก็แค่มาติดกล่องแดงหน้าบ่อปลาเท่านั้น เหตุก็คือวันนั้นเวลาค่ำมีผู้ชายคนหนึ่งมาที่บ้านพ่อบอกมาตามหาหมา พ่อบอกไม่มีหรอก ชายคนนั้นบอกหมามาหายที่นี่ให้พ่อผมรับผิดชอบ พ่อบอกจะรับผิดชอบได้ไง กูไม่ได้เอาหมามึงไป เขาบอกหมาเขาแพงให้พ่อผมจ่ายมา ผมฟังนี่มันกะมาปล้นหรือขโมยของกันแน่มาดึกๆมาหาหมามี่สำคัญพ่อไล่มันให้กลับบ้านไป มันไม่กลับจะให้พ่อจ่ายค่าหมาให้ได้ พ่อบอกแทนที่มึงจะซื้อหมาเอาเงินไปให้พ่อแม่มึงดีกว่าจากนั้นชายคนนั้นก็พุ่งเข้ามาพร้อมมีดแทงไปที่พ่อเสื้อขายและนิ้วโดนมีดบาดต้องเย็บสี่เข็มแต่ขณะต่อสู้ป้องกันตัวมันมีการแย่งปืนกัน ปืนลูกกรดลั่นโดนมันไป 1 นัดที่ไหล่ มันก็เลยหนีไปและไปให้ฐาติมันแจ้งความว่าพ่อพยามฆ่ามัน ตอนนี้ศาลพิพากษาให้พ่อใช้เงินเป็นล้านและยังต้องติดคุก 10 ปีพ่อผม 60 กว่าแล้ว ผมจะแก้ไขช่วยพ่อได้อย่างไรบ้าง คู่กรณีเคยมีคดีทำร้ายร่างกายคนอื่นมาสามคดี แต่พ่อผมโดนทำร้ายในบ้านตัวเองแถมยามวิการอีก ผมคิดว่าไม่ยุติธรรมชอความอนุเคราะห์ผู้รู้ด้วยครับ 0909402639

ผู้แสดงความคิดเห็น กฤษ (Aps_2551-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2016-06-30 13:58:53 IP : 182.232.112.143


ความคิดเห็นที่ 12 (4055741)

 สอบถามค่ะ พอดีดิฉันโดนแทงเมื่อ 2 กค 59 คนแทงคือนายปองเพื่อนบ้านรู้จักกันไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อน วันนั้นเค้าเมาและทะเลาะกันมากับลูกสาวของเค้า เดินทางทางที่เรานั่งอยู่  ทะเลาะกับลูกสาวเค้าอยู่ดีๆ ก็วิ่งมาแทงเราซึ่งนั่งอยู่กับเพื่อน ซึ่งไม่ได้ระวังตัว เพราะไม่คิดว่าเค้าจะแทงเรา เค้าแทงที่ท้อง 1 แผลทะลุกระเพาะ และเหนือราวนมด้านซ้ายอีก 1 แผล กำลังจะแทงครั้ง 3 แต่เพื่อนๆ ช่วยกันแย่งมีดไว้ได้ และจับตัวไว้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า หลักฐาน พยาน ครบทุกอย่าง และเค้าก็ให้การสารภาพ ไม่รู้ทำไปได้อย่างไร

ดิฉันนอนอยู่ รพ. 9 วัน รักษาโดยการผ่าตัด เย็บไป 32 เข็ม 2 แผล หมอให้พัก 45 วัน ค่อยไปเช็คอาการอีกที

ตอนนี้นายปองยังฝากขังอยู่ ญาติไม่ได้ประกัน

1. อยากทราบคดีจะเป็นอย่างไร? เพราะถ้าติดคุกไม่นาน ดิฉันไม่กล้าจะอยู่ใกล้ๆ กะเค้า คงต้องย้ายที่อยู่ใหม่

2. เรื่องค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำขวัญที่ดิฉันไม่สามารถทำงานได้เลยในจตอนนี้ หรืองานหนักๆ ในต่อๆ ไป เค้าก็ไม่เคยมาถามและคิดจะชดใช้ให้ เราต้องทำอย่างไรบ้าง?

ช่วยแนะนำด้วยค่ะ มีคนแนะนำให้ไปฟ้องที่ศาลแพ่ง ต้องทำอย่างไร ดิฉันก็ไม่มีเงิน กลัวเรื่องเรียกค่าใช้จ่ายเยอะ ไม่มีเงินให้ค่ะ เลยขอคพปรึกษาก่อนค่ะ ขอบคุณค่ะ..

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ฐิญาดา พรมบุตร วันที่ตอบ 2016-08-06 08:31:53 IP : 182.232.41.129


ความคิดเห็นที่ 13 (4331177)

 คดีพยายามฆ่ามีอายุความกี่ปีคับ เคยมีเพื่อนไปแจ้งความแต่มีการไกล่เกรียกันที่โรงพักสาระวัตเลยไม่ส่งเรื่ิองไปถึงศาล นึกว่าคู่กรณีจะสำนึกผิด เพื่อนผมเลยไม่เอาเรื่อง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนดีอยู่ค้ำฟ้า วันที่ตอบ 2019-09-17 09:39:17 IP : 110.168.243.17


ความคิดเห็นที่ 14 (4361278)

 คดีพยายามฆ่า..ศาลชั้นต้น ศาลอุทรณ์  ตัดสิน ติดคุกตลอดชีวิต  จำเลยขอฏีกาต่อ...ผลจะออกมาเป็นอย่างไรบ้างค่ะ..เค้าจะมีโอกาสหลุดคดีหรือเปล่าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น กรรมตามทัน วันที่ตอบ 2020-02-20 09:30:05 IP : 1.47.33.211



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.