ไม่บอกรายละเอียดว่าที่ดิน  มีเอกสารสิทธิ์เป็นอะไร  (โฉนดที่ดิน หรือ นส.3) อย่างไรก็ตามก็ควรแจ้งเป็นหนังสือให้พี่ชายย้ายออกไปภายในเวลาอันสมควร  ถ้าเขาไม่ย้ายอกก็จำเป็นต้องฟ้องขับไล่   เรื่องข้อเรียกร้องของเขาก็ค่อยไปเจรจากันที่ศาล.....หรือจะใช้วิธีจดทะเบียนโอน   โดยการขายให้บุคคลอื่น   เรื่องฟ้องขับไล่  ก็ให้เจ้าของคนใหม่  ดำเนินการเอาเอง....ถ้าที่ดินมีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดิน  ก็คงไม่มีปัญหาอะไร   แต่...ถ้าที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ เป็นเพียง  นส.3  หรือ นส.3 ก. ถ้าพี่ชายอ้างสิทธิการครอบครองที่ดีกว่า  ก็คงเป็นเรื่องยุ่งยากแน่นอน  อาจต้องสูญเสียที่ดินไปโดยง่ายดาย ถ้าไม่มีพยานยืนยันได้ว่า พี่ชายอยู่ในฐานะผู้เช่าครับ

ขอบคุณครับ ที่ดินที่ผมได้มาเป็นเอกสารสิทธิ์ นส3. ระบุชื่อผมถูกต้องครับและพี่น้องทุกคนรู้หมดว่าผมให้เขาทำและขอค่าเช่าเพียงปีละ2000 เท่านั้นเองครับ 

   คุณอย่าเพิ่งวางใจ   เพราะที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์  เป็น  นส.3  และที่ดินมือเปล่า  มีสถานะเดียวกัน  คือเจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้น  ถ้าปล่อยให้ผู้อื่นครอบครองในฐานะเจ้าของเกินหนึ่งปี   ย่อมเสียสิทธิการครอบครอง  และต้องสูญเสียที่ดินไปโดยง่ายดาย    การมีชื่อในเอกสารสิทธิ์ (นส.3)  ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าคุณมีสิทธิครอบครองเท่านั้น   ถ้าพี่ชายของคุณกลับลำอ้างว่า  เขาครอบครองอยู่ในฐานะเจ้าของ  คุณคงสูญเสียที่ดินไปได้  เพราะเขาครอบครองอยู่  6-7 ปี เขาย่อมมีสิทธิครอบครองที่ดีกว่าคุณ ดังนั้นต้องเตรียมพยานไว้ให้พร้อมว่า พี่ชายได้เช่าที่ดินของคุณจริง  แต่การเช่าที่ดินถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ   คงไปฟ้องร้องไม่ได้ ตาม ปพพ. ม. 538  ก็มีทางทำได้อีกทางหนึ่ง คือ  ลองให้พี่ชายทำสัญญาเช่าที่ดิน   ถ้าเขายอมทำสัญญาเช่า คุณก็คงโล่งอก   ถ้าเขาไม่ยอมทำสัญญาเช่า   งานนี้คุณอยู่ในฐานะเสียเปรียบ  เพราะบุคคลส่วนใหญ่  ยังหลงเข้าใจผิดว่า    ตนมีชื่อในเอกสารสิทธิ์  ไม่มีใครแย่งไปได้  ซึ่งมีกรณีตัวอย่างมากมาย  ที่ได้ประสพพบมาจากเหตุการณ์จริง  คือปล่อยให้ผู้อื่นครอบครองที่ดิน  ที่มีเอกสารสิทธิ์ เป็น นส.3  เกินหนึ่งปี  เมื่อเขาอ้างว่าไม่ได้ฟ้องขับไล่ภายในหนึ่งปี  ตาม ปพพ. ม.1375  จึงหมดอำนาจฟ้อง  และสูญเสียที่ดินไปซึ่งๆหน้าครับ.....แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเทียบเคียง