ระยะเวลาของการขาดเลือดที่จำเป็นต่อการทำให้เซลล์ประสาทเสียหาย 50% ในหนูเจอร์บิลนั้นเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเมื่ออุณหภูมิของสมองลดลงจาก 37°C เป็น 31°C สุนัขทดลอง 6ใน 6 ตัวที่มีอุณหภูมิแก้วหู 10°C สามารถทนต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นได้ 90 นาทีโดยไม่มีความเสียหายต่อระบบประสาทตามมา และสองในเจ็ดตัวสามารถทนได้ 120 นาทีโดยไม่มีความเสียหายทางระบบประสาทอย่างเห็นได้ชัด 4มนุษย์ได้รับภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อุณหภูมิต่ำกว่าปกติสำหรับการผ่าตัดหลอดเลือดแดงใหญ่เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงโดยไม่มีการขาดดุลของระบบประสาทอย่างร้ายแรง อาสาสมัครมาถึงสภาวะความเงียบของสมองด้วยไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ (ดัชนีอิเล็กโทรเอนซิสฟาโลกราฟี ไบสเปกตรัมเป็นศูนย์)ระหว่างอุณหภูมิ 16°C และ 24°C, 5และได้รับความอบอุ่นโดยปราศจากการขาดดุลของระบบประสาท ยืนยันว่าการทำงานของสมองแบบไดนามิกสามารถสูญเสียและกลับคืนมาได้โดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์ส่วนบุคคล ไครโอนิกส์ การขยายการป้องกันภาวะอุณหภูมิต่ำกว่าปกติจากการบาดเจ็บจากการขาดเลือดไปจนถึงอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์เห็นได้ในกบไม้ทางตอนเหนือ ( Rana sylvatica ) ซึ่งสามารถอยู่รอดได้ในสภาพกึ่งแช่แข็งโดยไม่มีการเต้นของหัวใจเป็นเวลาหลายเดือนที่อุณหภูมิต่ำถึง −3°C ถึง −6°C พร้อมการฟื้นตัวเต็มที่เมื่อวอร์มใหม่ 6ในปี 1966 นักวิจัยชาวญี่ปุ่นแทนที่เลือดด้วยกลีเซอรอลเพื่อลดการก่อตัวของน้ำแข็งในสมองของแมวที่เย็นลงถึง −20°C หลังจาก 45 วันโดยไม่มีการไหลเวียนของเลือดที่อุณหภูมิ −20°C สมองของแมวที่ฟื้นขึ้นมาได้แสดงการทำงานของ EEG ที่ดูปกติ 7 ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการเกิดปฏิกิริยา (k) ของปฏิกิริยาเคมี (รวมถึงเมแทบอลิซึมและกระบวนการของการบาดเจ็บจากการขาดเลือด) และอุณหภูมิ (T) สามารถอธิบายได้ด้วยสมการ Arrhenius 8  โดยที่ T มีหน่วยเป็นเคลวิน (K), E aคือพลังงานกระตุ้น, R คือค่าคงที่ของก๊าซสากล (8.314 จูล (J)/โมลเคลวิน) และ A คือปัจจัยความถี่ (ที่เกี่ยวข้องกับความถี่ของการชนกันของโมเลกุลและความน่าจะเป็น การชนนั้นเอื้อต่อการเกิดปฏิกิริยา) หาลอการิทึมธรรมชาติของทั้งสองข้างของสมการนี้ จะได้ สำหรับแต่ละอุณหภูมิที่แตกต่างกันสองอุณหภูมิ T 1และ T 2จะมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่แตกต่างกัน k 1และ k 2