1.ดิฉันสามารถขอความเป็นธรรมเช่าที่ดินกับวัดได้มั้ยคะ ดิฉันมีทะเบียนบ้านที่อยู่อาศัยมานานประมาณ30ปี ไม่มีชื่อลูกเขยคุณย่าในทะเบียนบ้านหลังนี้เลย

ตอบ....ต้องดูว่า ใครคือผู้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับวัด  ผู้เช่าย่อมมีสิทธิดีกว่า   กรณีพ่ออาศัยอยู่บนที่เช่า  ก็มีสิทธิดีกว่าเช่นกัน  ในเมื่อต่างมีสิทธิ  ก็ต้องพิสูจน์ว่าใครที่มีสิทธิที่เหนือกว่า   เบื้องต้นต้องใช้การเจรจาเป็นหลัก   ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้  ก็ต้องฟ้องศาลให้วินิจฉัยว่า ใครมีสิทธิดีกว่า   ส่วนเรื่องปลูกบ้าน   ในเมื่อมีทะเบียนบ้านมากว่า 30 ปี พ่อน่าจะได้เปรียบ  ที่สามารถกล่าวอ้างได้ว่า เป็นผู้ปลูกบ้าน

2.ลูกเขยคุณย่าสามารถขายสิทธิ์การเช่าที่ดินกับวัดให้ดิฉันได้หรือไม่คะ ผิดหลักกรมศาสนาหรือไม่

ตอบ....คือให้เช่าช่วงได้ ถ้าวัดผู้ให้เช่ายินยอม ครับ

 รบกวนถามเพิ่มเติมค่ะ ลูกเขยคุณย่าได้พูดเปรยๆว่าหากขายสิทธิ์การเช่าที่ดินกับวัดให้ดิฉัน จะขายให้เฉพาะส่วนที่เป็นตัวบ้าน

แต่ประตูทางเข้าที่จอดรถตรงหน้าบ้านดิฉันซึ่งเป็นประตูเดียวกับทางเข้าบ้านดิฉันด้วยจะไม่ขายให้ ซึ่งปัจจุบันครอบครัวดิฉันได้ใช้เป็นทางเข้าออกบ้านและจอดรถ มาเป็นระยะเวลากว่า30ปีแล้วเช่นกัน ลูกเขยคุณย่าไม่เคยได้ใช้พื้นที่ส่วนนี้เลย เนื่องจากมีประตูทางเข้าบ้านและที่จอดรถตรงส่วนบ้านของตนเองแล้ว

1.ดิฉันสามารถหาทางแก้ไขได้อย่างไรบ้างคะ เพราะหากไม่มีพื้นที่ส่วนนี้จะไม่สามารถเข้าบ้านและจอดรถได้เลยค่ะ เป็นการบีบบังคับให้อาศัยบ้านตัวเองไม่ได้อีกด้วย

ขอบพระคุณค่ะ

ถ้าลูกเขยของคุณย่า   โอนสิทธิการเช่าให้   ก็ย่อมได้ทั้งบ้านและที่ดิน จะมาปิดทางเข้าออกไม่ได้  และในข้อกฎหมาย   การใช้ทางเข้าออกเกิน 10 ปี   ย่อมเกิดภาระจำยอม   แม้ไม่จดทะเบียน   ก็สามารถนำมากล่าวอ้าง เพื่อใช้สิทธินี้ได้ สรุปคือเขาปิดทางเดินนี้ไม่ได้ คือทางเขาปิดทางเดิน   ก็ฟ้องฐานละเมิดและให้เปิดทางดังเดิม  ภายในอายุความหนึ่งปีได้ ครับ

ทางเขาปิดทางเดิน    แก้เป็น   ถ้าเขาปิดทางเดิน....

 ดิฉันอยากทราบว่า ที่พูดๆกัน ซื้อสิทธ์เช่าที่ดินวัดแล้ว คืออะไรค่ะ  และขายที่ดินพร้อมบ้านได้หรือไม่ค่ะ