ReadyPlanet.com


ฟ้องหย่าได้ไหมครับ


ผมกับแฟนแต่งงานกัน (จดทะเบียนสมรส) แล้วขึ้นมาอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นแฟนผมตั้งท้อง จนใกล้คลอดก็กลับไปอยู่ที่บ้านคุณแม่ของเขา จนคลอด แล้วอยู่ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ จากนั้นผมก็เอาลูกและแฟนของผมมาอยู่ที่ประจวบ เนื่องจากผมทำงานรับราชการอยู่ที่นี้ อยู่ได้ประมาณ 1 เดือนกว่า แฟนผมเริ่มทะเลาะกับผมทุกวัน เรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่ค่อยพอบ้าง เรื่องผมไม่มีเวลาอยู่กับลูกบ้าง เรื่องลูกป่วย จะพาไปหาหมอที่บ้าน (สุราษฏร์) บ้าง ผมก็บอกว่าที่ประจวบก็มีหมอ และผมก็พาลูกไปหาหมอตลอด เมื่อไม่สบายหรือแม้กระทั่งฉีดวัคซีน ไม่ขาดตก เขาทะเลาะกับผมหนักขึ้นเมื่อผมพูดเรื่องเงินที่พ่อแม่ยืมของผมไปจำนวน 2 แสนกว่าบาท เป็นเวลา 1 ปีกว่า พ่อแม่เขาไม่เคยคืนผมเลย ผมต้องผ่อนธนาคารทุกเดือน เขาบอกว่าผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ไม่เหมือนพ่อเขาที่บ้าน เรื่องลูก ผมก็ยอมรับเพราะผมก็ไม่เคยมีลูกมาเหมือนกัน ผมช่วยทำเท่าที่ช่วยได้ เช่น ตักน้ำให้ลูกอาบ ไปซื้อของใช้ลูก ซื้อยา ซื้อกับข้าว ล้างจาน หุงข้าว ล้างขวดนม ผมแทบไม่มีเวลาเตรียมสอนเลย (ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย) ทะเลาะทุกครั้งเขาจะขู่กลับไปอยู่บ้าน ผมบอกไม่ให้ไป ต้องอยู่ด้วยกันให้ได้เป็นครอบครัว เขาจึงโทรบอกพ่อเขาให้มารับ แต่พ่อเขาไม่มา เขาเลยขู่ผมถ่าไม่ไปส่งที่บ้านจะพาลูกหนีไปตอนเที่ยง ตอนผมไปทำงาน ผมจึงจำเป็นต้องไปส่ง ไปส่งแล้วก็มีการพูดคุยกับพ่อของเขาก็คุบกันไม่ตกลงกัน พ่อเขาบอกว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วลำบากผมไม่ให้ลูกสาวผมไปอยู่ และถ้าพูดถึงเรื่องตังค์ 2 แสนที่ยืมไปก็จบกัน ตอนเย็นวันนั้นผมจึงกลับไปนอนที่บ้านแม่ของผม แล้วย้อนกลับมาเอาลูกไปด้วย รุ่งเช้าเขามารังลูก และสัญญาว่าตะไม่ชวนทะเลาะอีกแล้ว ขอโทษกับสิ่งที่ผ่านมา จากนั่นก็คืนดีกัน ขึ้นมาอยู่ปรั



ผู้ตั้งกระทู้ อภิชาติ (Phisith_kkw-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2015-05-19 17:48:56 IP : 27.55.21.23


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3814173)

 ขึ้นมาอยู่ประจวบกันอีกครั้ง ครั้งหลังขึ้นมาอยู่ได้อาทิตย์กว่าๆ ก็โทรให้แม่ที่บ้านมารับอีก หลังจากที่แม่เขาขึ้นมารับแล้ว ผมก็ลงไปพูดคุยกับเขา เขาก็บอกว่าจะไม่ขึ้นมาอยู่ที่ประจวบอีกแล้ว เขาบอกว่าถ้าจะหย่าเขาขอค่าเลี้ยงดูลูกเดือนละ 10000 บาท ซึ่งผมไม่มีให้เขาเยอะขนาดนั้นครับ ผมเงินเดือน 22000 ผ่อนบ้านเดือนละ 13000 ผ่อนเงินที่พ่อกับแม่เขายืมเดือนละ 1200 ผมเหลือใช้แค่ 8000 เอง ครับ หนี้บัตรเครดิตที่ค้างด้วยกันเป็น แสนครับ ตอนแยกกันอยู่ 

ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชาติ วันที่ตอบ 2015-05-19 17:55:58 IP : 27.55.21.23


ความคิดเห็นที่ 2 (3814321)

ตามข้อเท็จจริง  ยังไม่มีเหตุพอที่คุณจะฟ้องหย่าได้  เป็นปัญหาระหองระแหงในครอบครัว  ที่ยากจะแก้ปัญหาได้ในเร็ววัน   ต้องใช้ความอดทนเป็นที่ตั้ง   เมื่อภรรยาอยากกลับไปอยู่บ้าน   ก็ปล่อยเธอไปก่อน  คือแยกกันอยู่ชั่วคราวก่อน ส่วนคุณก็ส่งค่าเลี้ยงดูให้ตามสมควร   เรื่องหย่าอย่าเพิ่งคิด ปล่อยให้วันเวลา ช่วยแก้ปัญหาให้   ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น  จะคิดเรื่องหย่าในภายหลัง  ก็ไม่น่าจะสายเกินไป   ถ้ามีเหตุฟ้องหย่า ตาม ปพพ. ม.1516  ค่อยมาว่ากันอีกที ครับ

....เหตุที่ฟ้องหย่าได้  และแนวคำพิพากษาศาลฎีกา เทียบเคียง....

มาตรา ๑๕๑๖ เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้

(๑) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๒) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๓) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๔) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๔/๑) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิด การกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหาย หรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๔/๒) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๕) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่า เป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๖) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือ ทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๗) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๘) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

(๙) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

(๑๐) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2851/2551
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยาย่อมจะมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเป็นปกติธรรมดาของ ชีวิตคู่ การที่จำเลยไม่ค่อยอยู่บ้านก็มิใช่เป็นการประพฤติเสื่อมเสีย และการที่จำเลยตบตีทำร้ายโจทก์จนโจทก์ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยแต่ พนักงานสอบสวนได้ไกล่เกลี่ยก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลย หลังจากนั้นโจทก์จำเลยยังทะเลาะกันและจำเลยพยายามจะทำร้ายร่างกายโจทก์ พฤติกรรมดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามี ภริยากันอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่โจทก์เดือดร้อนเกินควร ยังไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6948/2550
แม้พฤติการณ์ของโจทก์ในเบื้องต้นเป็นการแสดงออกโดยปริยายว่ายินยอมให้จำเลยทำ งานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ตาม แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี คือตั้งแต่ปี 2542 โจทก์ได้ขอร้องให้จำเลยกลับมาดูแลครอบครัวหลายครั้ง แสดงว่าโจทก์ไม่ยินยอมให้ทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป แต่จำเลยยังคงยืนยันไม่กลับประเทศไทยรวมทั้งไม่ยินยอมกลับประเทศไทยเพื่อมา เบิกความเป็นพยานในคดีนี้ แสดงว่าจำเลยประสงค์ที่จะทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยไม่สนใจที่จะกลับมา ดูแลบุตรและอยู่ร่วมกับโจทก์ฉันสามีภริยาอีกต่อไป ถือว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินกว่า 1 ปี นับแต่ปี 2542 โจทก์จึงฟ้องหย่าจำเลยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4)

   บุตรทั้งสองของโจทก์กับจำเลยยังเป็นผู้เยาว์และอยู่ในความอุปการะของโจทก์มา โดยตลอด โจทก์รับราชการอันเป็นอาชีพที่มั่นคง ส่วนจำเลยทำงานอยู่ประเทศญี่ปุ่นทิ้งบุตรให้อยู่ในความปกครองดูแลของโจทก์ มากว่า 8 ปี แล้ว เมื่อคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดอันจะเกิดแก่ผู้เยาว์ทั้งสองในปัจจุบันและใน อนาคต จึงเห็นสมควรให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองแต่ผู้เดียว


 

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2015-05-20 09:15:13 IP : 101.51.162.225


ความคิดเห็นที่ 3 (3814543)

 ขอบคุณคุณมโนธรรมมากๆ นะครับสำหรับคำปรึกษาดี ค่าเลี้ยงดูผมอยากให้นะครับ ไม่ใช่ไม่อยากให้ แต่ที่เขาเรียกร้อง 10000 นั้นมันมากเกินไปที่ผมจะมีให้ได้ ผมก็ฝากเงินให้ลูกผมทุกๆ เดือน เท่าที่ผมสามารถจะให้ได้ และที่สำคัญเค้ากลับไปอยู่ที่บ้านจะครบ 1 ปี แล้วครับ ครั้งสุดท้ายที่ไปรับให้ขึ้นมาเค้าก็ไม่ขึ้นมา กรณีแบบนี้เข้ากรณีจงใจทิ้งร้างหรือเปล่าครับ ตอนที่ละเลาะกันเขาเคยด่าว่าแม่ผม ว่าแม่เบื่อยาพ่อผม (พ่อผมกินเหล้าเยอะ ตับทะลุ) ยังไงก็จะไม่ไปบ้านผม กลัวจะถูกเบื่อยาเหมือนพ่อผม ตามที่เค้าเข้าใจ ผมได้ลงบันทึกประจำวันหลังจากที่เค้ากลับไปอยู่บ้านด้วยครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชาติ วันที่ตอบ 2015-05-20 12:30:48 IP : 27.55.23.28


ความคิดเห็นที่ 4 (3814794)

ถ้าเธอมีเจตนาทิ้งร้างไปเกินหนึ่งปี   ก็เป็นเหตุฟ้องหย่าได้   แต่ถ้ายังติดต่อกันอยู่  คงไม่ใช่การทิ้งร้างไป  และถ้าฟ้องหย่า  เธอคงเรียกค่าเลี้ยงดูที่อาจสูงเกินไป  คุณต้องเตรียมข้อมูลในการต่อสู้ในประเด็นนี้ให้ดี  ถ้าใช้วิธีแยกกันอยู่ไปเรื่อยๆ  ประเด็นการเรียกร้องค่าเลี้ยงดู  ก็ไม่ต้องไปวิตก คุณก็ช่วยเหลือตามความเหมาะสม  แต่ถ้ามีการฟ้องหย่า   และศาลให้หย่าและให้คุณจ่ายค่าเลี้ยงดูที่สูง  คุณคงลำบาก ถ้าเป็นบุคคลโดยทั่วไป   ก็คงไม่มีปัญหามาก   แต่คุณเป็นข้าราชการ  ถ้าบิดพลิ้วไม่ทำตามคำพิพากษา  สังคมคงตำหนิติเตียน  จนคุณอยู่ในสังคมได้ลำบาก   ด้วยความปรารถนาดี ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2015-05-21 07:40:10 IP : 101.51.173.84


ความคิดเห็นที่ 5 (3815596)

 พ่อเลี้ยงพ่อไม่แท้ทำร้ายร่างกายลูกคนอื่นมีคดีอย่างไรชื่อนายสมจิต สกปรกจัง,เมื่อวันที่18/05/58เวลา20.30ทำร้ายร่างกายคนไม่มีทางสู้

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เดือดร้อนที่วรารมย์บางบอน4ซ.54(29/163) (def-at-wasd-dot-co-dot-ac)วันที่ตอบ 2015-05-22 18:31:20 IP : 49.228.64.25



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.