แล้วสอบถามนิดนึงครับ ..ถ้าแม่ผมป่วยทางจิตมาเป็นเวลานาน ประมาณ10 ปี แล้วขายที่ดินแปลงหนึ่งไปแล้ว ประมาณ 2 ไร่ ราคา 500,000 บาท (โดยบอกกับกรมที่ดินว่า 200,000 บาท เพื่อไม่อยากเสียภาษีเยอะ)โดยการขายนี้ไม่ได้ปอกลูกๆ แต่มีพ่อเชนต์ชื่อเป็นพยานไว้ เมื่อขายไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นเมื่อคู่กรณีมีการขยายที่กินพื้นที่ถนนไปมากไปโดยมีชาวบ้านมาร้องเรียนและร้องต่อแม่ของผม ประมาณ 30-40คน แม่ผมเลยปอกไปว่าได้ขายไปแล้ว คู่กรณีไม่พอใจมากเลย แจ้งความจับโดยปอกว่าที่ไม่ถึง 2 ไร่ แต่ตอนคุยกันไว้ตอนแรกคือขายในราคาเหมา โดยแม่ผมปอกว่าที่ตรงนั้นประมาณ 2ไร่กว่าๆแต่แม่ผมได้ให้พื้นที่นี้กับถนนหลวงไปแล้วจึงไม่เต็ม 2ไร่ดี..  คู่กรณีไม่ยอมจะแจ้งความจับอย่างเดียว  แต่พอแม่ผมขอซื้อคืนกับปอกว่าไม่ขาย แล้วอย่างนี้แม่ผมใช่หลอกขายที่ดินใหมครับ... แต่คู่กรณีจะขายคืนในราคา 1 ล้าน บาท.แล้วจะแจ้งความจับในกรณีหลบเลี่ยงภาษีด้วย .....คือตอนนี้แม่ผมแก่มากแล้วและเดินขากระเผกด้วย เนื่องจากแม่ผมเคยเป็นอัมพาตมาก่อน

    ผมสงสารแม่มากครับ ผมเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา แต่พอผมถามแม่ว่าถ้าผมจะฟ้องศาลเพื่อขอชื้อที่ดินคืนแม่มีเงินใหม แม่ปอกว่ามี ก็เงินที่คู่กรณีให้มานั่นแหละครับ ที่ดินนี้เพิ่งซื้อขายกันไปประมาณ 3 เดือน ได้ครับ ...ผมจะขอซื้อคืนได้ใหมครับในราคาเดิม ..เนื่องจากเป็นที่ดินที่ผมเกิดและอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ..แม่ผมเสียใจมาก จนแกจะเป็นอัมพาตอีกครั้ง มีความเห็นใดพอช่วยได้บ้างครับ..แล้วขอคำแนะนำด้วยครับผมไม่เคยไปศาล แต่ผมชอบหาข้อมูล ผมอยากจะฟ้องร้องด้วยตัวเองในฐานะลูก...พอไหวใหมครับ  พอดีคู่กรณีเขารวยมากครับ เป็นถึงผู้จัดการบริษัทด้วยครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ...