ผมนิยมชมชอบเล่นรถยุโรป เมื่อปลายปี๕๖ รถซีตรองคันหนึ่งในโกดัง ไม่ได้สตาร์ทหลายวัน ทำให้แบ็ตเตอรี่หมด เพื่อนจึงเรียกช่างที่อู่ใกล้บ้านเพื่อนมาจั๊มแบ็ต พอรถสตาร์ทติด ช่างบอกว่า ต้องเปลี่ยนสายพานในหัวเครื่องด้วย ผมจึงให้ช่างนำไปซ่อม (ปกติ รถซีตรอง ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเฉพาะเป็นผู้ซ่อม แต่ช่างรายนี้ ยืนยันว่า สามารถดูแลรถให้ผมได้)

ช่างนำรถไปซ่อมที่อู่ ๓ วัน แล้วนำกลับมาส่งให้เย็นวันอาทิตย์ เก็บเงินผมไปสี่พันกว่าบาท พอรุ่งขึ้น ผมลองขับไปทำงาน ปรากฏว่า น้ำในหม้อน้ำรั่วเข้าไปในเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์น็อค ผมจึงโทร.ตามช่างให้เอารถปิคอัพของเพื่อนผมซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับอู่ให้มาลากรถไปซ่อม ส่วนผมให้คนรถมารับไปทำงาน

แรกเริ่มเดิมทีช่างบอกว่า ค่าซ่อม ๑ หมื่นบาท แต่ช่วงนั้น ผมมีรถหลายคัน ไม่จำเป็นต้องใช้รถซีตรอง จึงให้จอดรถซ่อมไปก่อน

เวลาผ่านไปประมาณ ๑ ปี ผมนำเงิน ๑ หมื่นไปให้ช่างทำการซ่อม แต่ช่างขอเพิ่มเป็น ๒ หมื่น ๕ พันบาท อ้างว่า โรงกลึงขึ้นราคา สุดท้าย ผมต่อรองให้คุมราคา ๒ หมื่นบาท ช่างตกลงซ่อมให้ และแจ้งว่า จะใช้เวลาซ่อมไม่เกิน ๓ วัน และขอเบิกเงินค่าซ่อมล่วงหน้าไป ๑ หมื่น ๕ พันบาท ผมจึงให้ไป

เวลาผ่านไป ๒ เดือนกว่า รถไม่เสร็จเสียที จึงโทรศัพท์ไปสอบถาม แต่ช่างกลับพูดจาเป็นคนละอย่างกับตอนก่อนรับเงิน บ่ายเบี่ยงตลอด เมื่อถามว่า ติดขัดปัญหาตรงไหน ก็ อ้างว่า ขอเวลาอีกนิด จนสุดท้ายช่างหลุดปากพูดมาว่า รถสตาร์ทติดแล้ว แต่ไม่มีเงินไปซื้อน้ำมันมาเติม และยังมีอาการน้ำรั่วเข้าหัวเครื่อง

ผมได้แจ้งว่า อาการน้ำรั่วเป็นอาการตั้งแต่เริ่มแรกเอาเข้ามาซ่อม แสดงว่า ช่างเบิกเงินผมไปแล้วไม่ได้ซ่อมรถให้ผมเลย พอถามถึงจุดนี้ ช่างกลับบอกว่า ให้ผมมาลากรถออกไปจากอู่เอาไปซ่อมที่อื่น ผมจึงแจ้งว่า งั้นขอเงินค่าซ่อมที่จ่ายไปคืนด้วย แต่ช่างปฏิเสธอ้างว่า เป็นค่าจอดรถในอู่

ผมรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตอนที่รถพังครั้งแรกก็เป็นเพราะฝีมือช่างคนนี้ เมื่อซ่อมรถซีตรอง ไม่เป็น กลับท้าทายให้ผมลากรถไปซ่อมที่อื่น แต่ไม่ยอมคืนเงินที่จ่ายไปล่วงหน้า ตอนนี้ รถของผมก็ยังอยู่ในอู่ และผมเองก็ไม่มีความรู้ทางด้านเครื่องยนต์เลย

ผมมีทางจะดำเนินการอย่างไรให้ช่างซ่อมรถผมให้เสร็จ หรือ ให้คืนเงินที่จ่ายไปล่วงหน้าครับ