สวัสดีครับ ขอรบกวนปรึกษาครับ

คุณพ่อ อายุ 80ปี เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้าน โฉนดเป็นชื่่อคุณแม่ ให้เช่าบ้านมาตั้งแต่ประมาณปี 50 ทำเป็น ร.ร.กวดวิชาปัจจุบันผู้เช่่าใช้เป็นที่เก็บของ ไปสร้าง รร.ใหม่แล้ว สัญญาเช่าคุณพ่อเซ็นต์คนเดียว หมดสัญญา 31/7/58

เมื่อปลายปีที่แล้วคุณได้ทำสัญญาให้เช่ากับผู้เช่ารายใหม่โดยมีผล 1/8/58 เป็นต้นไป จ่ายเงินล่วงหน้ามาแล้ว 1ปี

28/4/58 คุณพ่อไปแจ้งผู้เช่ารายเก่าว่า ให้ย้ายออก เมื่อหมดสัญญา เนื่องจากให้ผู้เช่ารายใหม่เช่าแล้ว และเค้าจ่ายเงินล่วงหน้ามาแล้ว 1 ปี

ผู้เช่ารายเก่าพร้อมทนาย แจ้งว่าไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน ไม่สามารถออกได้ในระยะเวลาที่กำหนด เพราะต้องหาซื้อที่ดินใหม่ไว้เป็นที่เก็บของ  ทั้งยกตัวอย่างคล้ายเป็นการข่มขู่ว่ามีกรณีตัวอย่างที่ข้างกัน ผู้เช่าไม่ยอมออก สุดท้ายทำอะไรไม่ได้  ต้องฟ้องกันเป็นเวลาหลายปี ถ้าเราฟ้องผู้เช่ารายเก่าก็พร้อมสู้จนถึงที่สุด แต่บอกว่าคุณพ่อเป็นคนดี จะไม่ทำอย่างนั้นเจรจาให้เราทำสัญญาต่อสัญญาเช่าไปอีก 3 เดือน คุณพ่อกลัวจะมีเรื่องราว และไม่มีความรู้ เลยยอมเซ็นไป

สุดท้ายมารู้ว่าในสัญญา ขยายไปเป็น 4 เดือน (ไม่ใช้ 3 เดือนตามที่คุย) นับจาก 28/4/58

เมื่อกลับมาคุณพ่อเล่าให้พวกเราฟัง เราก็แย้งไปว่า แล้วผู้เช่ารายใหม่เขาละ เขาจะใช้พื้นที่ ต้องรอไปอีก 4 เดือน

แถมเรารับเงินค่าเช่าเค้ามาแล้วด้วย เค้าคงไม่ยอก จะทำอย่างไรดี จึงอยากปรึกษาดังนี้

1.การที่คุณพ่อลงนามไปแล้ว ถือว่ามีผลหรือไม่

2.รู้สึกมันคล้ายกับเป็นการข่มขู่ เอากับคนแก่ เพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ ถ้าสุจริตจริงต้องไม่ยกตัวอย่างมาข่มขู่ให้เรากลัว (หลอกคนแก่)

3.เรื่องการขนย้ายของ เราแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ตั้ง 3 เดือนแล้ว ระยะเวลาเท่านี้เพียงพอหรือไม่ในทาง กฏหมาย (ผู้เช่าไปสร้าง รร.ใหม่แล้ว ใหญ่โตกว้างขวาง และผู้เช่าก็มีฐานะร่ำรวย)

4.กับผู้เช่ารายใหม่จะทำอย่างไรดีครับ คุณพ่อรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริง ๆ คุณพ่อไปคนเดียว พยานเป็นพวกเค้าทั้งนั้น

5.มีทางออกแก้ไขได้อย่างไรบ้างครับ ให้เจ็บตัวน้อยที่สุดผมรู้สึกว่าเราจะโดนทั้งสองด้าน ทั้งผู้เช่ารายเก่า และรายใหม่

สงสารคุณพ่อท่านแก่แล้ว ตอนนี้ก็รู้ว่าตัดสินใจผิดไป มีแต่ความไม่สบายใจอย่างมาก

ผมจึงใคร่ขอรบกวนปรึกษา พอเป็นแนวทางตอบให้คุณพ่อสบายใจไปก่อน

ขอบพระคุณครับ