ในเมื่อ บี  ค้ำประกันให้ เอ เพียงผู้เดียว  เมื่อ  เอ ไม่ใช้หนี้  สหกรณ์สามารถบังคับให้ บี ชำระหนี้แทน  เอได้    แต่...หนี้ของ ซี และ อี      บีไม่ได้ไปค้ำประกันให้   สหกรณ์จีงบังคับให้  บี ชำระหนี้แทน ซี  และ  อี    ไม่ได้  แม้มีมติของกรรมการสหกรณ์ให้ บี ต้องชำระหนี้   ถือว่าเป็นมติที่ไม่ชอบ   เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ   ถ้าสหกรณ์  มีการฟ้องร้อง  บี สามารถยื่นนคำให้การต่อสู้ไปตามข้อเท็จจริง   ศาลคงไม่ยอมให้ บี ชำระหนี้ ในส่วนของ  ซี  และ  อี  แน่นอน   เพราะไม่มีกฎหมายรองรับให้ให้สามารถทำได้...........อย่างไรก็ตาม  บี   ควรดูสัญญาค้ำประกัน ให้ชัดเจนอีกที ว่า  ในสัญญาการค้ำประกันนั้น   บี  ได้ค้ำประกัน ให้ เอ  ผู้เดียวจริงหรือไม่   ถ้า ค้ำประกัน  ให้ เอ ผู้เดียว ตามที่เล่ามา  บี จึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ ของ ซี และ  อี แน่นอน  ครับ

....ความเห็น....

...ก็รู้สึกสลดหดหู่  เป็นอันมาก   ที่ได้ยินได้ฟัง  เรื่องแบบนี้  หลักการลงมตินั้น   ต้องเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย    คณะกรรมการสหกรณ์กำลังสับสนในบทบาทหน้าที่ของตน  ที่ไปออกมติออกมาโดยไม่ยึดระเบียบกฎหมายเป็นที่ตั้ง  หลักการประชาธิปไตย  ต้องอยู่เป็นบนหลักคุณธรรมสามประการ  คือ  สามัคคีธรรม   ปัญญาธรรม  และคาราวะธรรม  ไม่ใช่ยึดหลักสามัคคีธรรม  เพียงอย่างเดียว   แต่ขาดปัญญา ปัญหาจึงเกิด  อีกหน่อยคงมีมติให้ไปปล้นธนาคาร แน่นอน   บางทีบางคนอาจหลงผิดคือว่าทำได้  เพราะมีมติของคณะกรรมการออกมาแล้ว  มันคงเป็นเวรกรรมของประเทศไทย   ที่ผู้ทำหน้าที่ในองค์กรต่างๆ   แทนที่จะช่วยเหลือขจัดปัดเป่าความเดือดร้อนของประชาชน   แต่กลับมากระหน่ำซ้ำเติม    ถ้าคุณถูกกดกให้ชดใช้หนี้   ขอแนะนำให้ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ประจำจังหวัด   เพื่อส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยเหลือต่อไป...ด้วยความปรารถนาดี ครับ

ขอบพระคุณครับ  มติกรรมการเพิ่งมีไม่กี่วันนี้เอง  แต่มีผลย้อนหลังไปยังสัญญาเก่าทุกฉบับ  ทำให้เดือดร้อนอย่างที่เล่าครับ  แถมเจ้าหน้าที่สหกรณ์ยังบอกว่าถ้าไม่อยากเป็นแบบนี้ให้ลาออกเสียแต่คืนเงินทั้งหมดทั้งของตนเองของผู้ค้ำและของคนที่ไม่ได้ค้ำข้างต้น  แล้วพวกเราจะเอาเงินที่ไหนมาครับ

คุณก็ยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิม  คือมติของกรรมการฯ   เหมือนพายเรือในอ่าง  ก็บอกแล้วว่า ในเมื่อเป็นมติที่ไม่ชอบ   ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย  แล้วคุณจะต้องไปวิตกกังวลอะไรอีก  ก็พยายามมอบอาวุธทางปัญญาให้คุณแล้ว   ถ้าคุณไม่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ก็แล้วบุญกรรม  เพราะคงช่วยอะไรได้ไม่มากกว่านี้ ,เมื่อมาถึงบัดนี้  ก็ประจักษ์แล้วว่า  ทำไมคนจึงถูกหลอก หรือถูกข่มขู่  ทั้งๆที่แนะนำแล้วว่า  ไม่ต้องใช้หนี้  เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ให้มีมติเช่นนั้นได้    แต่ก็ยังมีคำถามมาอีกว่าจะเอาที่ไหนมาใช้หนี้ เวรกรรมๆๆๆๆๆๆๆ  ประเทศไทยครับ