[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
การค้ำประกัน(ต่อ) | |
ต่อจาก 22267 1.ดิฉันขอความกระจ่างเกี่ยวกับการต่อสู้เรื่อง " คดีขาดอายุความในส่วนของดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปี " เป็นอย่างไรคะ และดิฉันพอมีหวังที่จะไม่ต้องชำระหนี้หรือเปล่า 2.ดิฉันควรไปตามหมายศาลหรือไม่ หากต้องไป ดิฉันจะขอยืดเวลาในการชำระหนี้กับธนาคารที่ศาลเลย ได้หรือไม่ 3.เพื่อนของดิฉันเคยเป็นครู รร.เอกชน มีเงินสะสม 12 % แต่ไม่แน่ใจว่ามีการถอนออกไปหรือยัง ดิฉันจะติดตามเรื่องนี้ และดิฉันจะนำไปแจ้งกต่อศาล ในวันที่ดิฉันไปขึ้นศาลได้หรือไม่ และศาลสามารถสั่งให้ธนาคารไปรับชำระหนี้จากส่วนนั้นได้หรือไม่ ขอบคุณค่ะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ ผู้เดือดร้อน :: วันที่ลงประกาศ 0000-00-00 00:00:00 IP : |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (51620) | |
.ดิฉันขอความกระจ่างเกี่ยวกับการต่อสู้เรื่อง " คดีขาดอายุความในส่วนของดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปี " เป็นอย่างไรคะ และดิฉันพอมีหวังที่จะไม่ต้องชำระหนี้หรือเปล่า ตอบ ปกติ เจ้าหนี้ต้องฟ้องหรือดำเนินคดี ได้ภายในกำหนดระยะเวลาตามทีก่ฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งเรียกกันว่าอายุความ หนี้เงิน***้ จะแบ่งออกเป็นสองอย่างคือ หนี้เงินต้น และหนี้ดอกเบี้ย และจะมีอายุความที่แตกต่างกัน คือ หนี้เงินต้นมีอายุความ สิบปี หนี้ดอกเบี้ยที่ค้างชำระ มีอายุความห้าปี เมื่อ เจ้าหนี้ ไม่ฟ้องร้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวหนี้ ในส่วนดังกล่าวก็จะขาดอายุความครับและขาดเฉพาะส่วนนะครับ กรณีของคุณ หนี้ดอกเบี้ยส่วนที่ค้างชำระเกินกว่า ห้าปี คงขาดอายุความ เจ้าหนี้คงเรียกร้องได้ในส่วนหนี้เงินต้น และดอกเบี้ยที่ยังไม่ขาดอายุความ (ส่วนที่ไม่เกินห้าปี) 2.ดิฉันควรไปตามหมายศาลหรือไม่ หากต้องไป ดิฉันจะขอยืดเวลาในการชำระหนี้กับธนาคารที่ศาลเลย ได้หรือไม่ ตอบ หากมีหมายศาลมาแล้ว ควรจะต้องไปศาลด้วยครับ มิฉะนั้น จะทำให้เสียสิทธิในการต่อสู้คดี การไปศาลไม่ใช่เรื่องที่ น่ากลัวครับ หากมีข้อสงสัย ก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ หรือ ทนายอาสา ที่นั่งประจำที่ศาลได้ครับ บางทีไปศาลอาจจะเจอลูกหนี้ ก็ได้นะครับ 3.เพื่อนของดิฉันเคยเป็นครู รร.เอกชน มีเงินสะสม 12 % แต่ไม่แน่ใจว่ามีการถอนออกไปหรือยัง ดิฉันจะติดตามเรื่องนี้ และดิฉันจะนำไปแจ้งกต่อศาล ในวันที่ดิฉันไปขึ้นศาลได้หรือไม่ และศาลสามารถสั่งให้ธนาคารไปรับชำระหนี้จากส่วนนั้นได้หรือไม่ ตอบ ก็แจ้งให้ทนายของธนาคารทราบก็ได้ครับ
มาตรา 193/33 สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความห้าปี (1) ดอกเบี้ยค้างชำระ (2) เงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ (3) ค่าเช่าทรัพย์สินค้าชำระ เว้นแต่ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 193/34 (6) (4) เงินค้างจ่ายคือ เงินเดือน เงินปี เงินบำนาญ ค่าอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่น ๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา (5) สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34 (1)(2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี
902/2547 โจทก์ นางเทียบ เสืองามเอี่ยม จำเลย นางสมจิตรหรือสมจิต เกตุพันธ์ แพ่ง อายุความการใช้สิทธิเรียกร้อง (มาตรา 193/33 (2)) วิธีพิจารณาความแพ่ง คำให้การ (มาตรา 177 วรรคสอง) โจทก์ฟ้องว่าจำเลย***้ยืมเงินจากโจทก์ 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2539 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2539 และวันที่ 24 พฤษภาคม 2539 จำนวนเงิน 15,000 บาท 15,000 บาท และ 14,000 บาท ตามลำดับ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ตั้งแต่***้ยืมเงินไปจำเลยไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์เลย ดอกเบี้ยนับแต่ วัน***้ยืมถึงวันฟ้องสำหรับเงิน***้ครั้งแรกเป็นเงินจำนวน 12,118.75 บาท ครั้งที่ 2 เป็นเงินจำนวน 12,093.75 บาท และครั้งที่ 3 เป็นเงินจำนวน 10,675 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 78,887.50 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 44,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลย***้ยืมเงินโจทก์สองครั้งแรกเพียง ครั้งละ 10,000 บาท ส่วนที่เกินเป็นดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดบวกเข้าไป ส่วนสัญญา***้ฉบับที่สามเป็นต้นเงินเพียง 8,000 บาท อีก 6,000 บาท เป็นดอกเบี้ย เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดที่โจทก์บวกเข้าไปเป็นต้นเงิน จำเลยได้ผ่อนชำระเงิน ตามสัญญา***้ทั้งสองฉบับให้โจทก์ครบแล้ว แต่โจทก์ไม่คืนสัญญา***้ให้จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยค้างชำระเกินกว่า 5 ปี ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) เนื่องจากนำคดีมา ฟ้องเกิน 5 ปี นับจากมีสิทธิเรียกร้อง ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 44,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 3 กรกฎาคม 2544) ย้อนหลังไป 5 ปี และถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่ศาล อุทธรณ์ภาค 7 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่อุทธรณ์ว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์ ขาดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) เป็นการไม่ชอบ เนื่องจากคำให้การของจำเลยไม่ได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความ ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในส่วนที่เป็นต้นเงินขาดอายุความเมื่อใด เป็นคำให้การ ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง นั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลย***้ยืมเงินไปจากโจทก์โดยตกลงชำระดอกเบี้ยให้โจทก์นับ แต่วัน***้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระต้นเงินให้แก่โจทก์แล้วเสร็จ ซึ่งปรากฏตามหนังสือ สัญญา***้ยืมเงินเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ถึง 4 กำหนดให้จำเลยผ่อนชำระคืน เป็นรายวัน การที่จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) เนื่องจากนำคดีมาฟ้องเกินกว่า 5 ปี นับจาก มีสิทธิเรียกร้อง ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (2) บัญญัติอายุความการใช้สิทธิเรียกร้องไว้เพียงกรณีเดียวเฉพาะเงินที่ต้องชำระเพื่อ ผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ เช่นนี้ ถือได้ว่าคำให้การของจำเลยดังกล่าวได้แสดงโดยชัดแจ้ง แล้วว่า สิทธิเรียกร้องตามหนังสือสัญญา***้ยืมที่โจทก์นำมาฟ้องขาดอายุความเมื่อใด และเพราะเหตุใด ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหา เรื่องอายุความตามคำให้การของจำเลย จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น" พิพากษายืน (ไพโรจน์ วายุภาพ - ปัญญา ถนอมรอด - วรนาถ ภูมิถาวร) สมปอง ยศถาสุโรดม - ย่อ สมเกียรติ เจริญสวรรค์ - ตรวจ
ขอให้โชคดีนะครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ปมุข 0-1820-2236 วันที่ตอบ 2005-02-10 13:58:00 IP : |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1087743 |