ดิฉันมีชื่อว่า นางสาว ดี เป็นลูกสาวของครอบครัวที่ยึดมั่นในจริยธรรมและศีลธรรม พ่อแม่อบรมเลี้ยงดูดิฉันให้อยู่ในกรอบ ในวัยเรียนให้เข้าเรียนในโรงเรียนสตรีล้วน เลิกเรียนแล้วให้กลับบ้าน ห้ามไถลไปไหนเป็นอันขาด ถ้าดิฉันอยากไปเที่ยวข้างนอกบ้างก็ให้ไปกับคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ใครเล่าจะคิดว่าต่อมาดิฉันจะต้องมาพบเจอวิบากกรรมของชีวิตทำให้พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ดิฉันพยายามต่อสู้ชีวิต ต่อสู้กับโรคร้าย การเห็นคุณค่า ในตนเอง การพยายามทำชีวิตของตัวเองให้ดีไม่เป็นภาระครอบครัวและสังคม ..........ทำทุกๆวันของวันนี้ให้เป็นวันที่ดีที่สุด ทำให้ดิฉันไม่มีเวลาคิดเรื่องการมีแฟน การสร้างครอบครัว เพราะดิฉันมีความคิดว่า การรู้จักเป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รู้จักการดูแลเอาใจใส่ ห่วงใยต่อเพื่อนมนุษยชาติโดยรวม รักชาติ รักสิ่งแวดล้อม รักในการที่จะทำงานเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ และรักที่จะปฏิบัติกิจกรรมการกุศล ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เป็นสาระสำคัญมากกว่าจึงทำให้ดิฉัน ครั้งแรกที่ดิฉันออกสู่สังคมคนพิการ ๓ ธันวาคม ..... งานคนพิการสากล จัดที่ องค์การสหประชาชาติ ถนน ราชดำเนิน จังหวัด กรุงเทพฯ เวลาประมาณ ๑๗ นาฬิกา ขณะนั้นดิฉันกำลังสนทนาอยู่กับ อดีตปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องแนวทางการแก้ปัญหาคนพิการอยู่ ได้มีชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๔๐ - ๔๑ ปีใส่ชุดพระราชทาน (เสื้อคอตั้งจีนมีกระเป๋าล่างผ้าเรียบ)เดินขากระเผลก ข้างหนึ่ง เข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆที่ดิฉันนั่งอยู่นั่งฟังดิฉันสนทนา พอดิฉันสนทนาจบ ชายคนดังกล่าวก็มาคุยกับดิฉัน แนะนำตัวเองว่าชื่อ นาย วายร้าย ทำงานรับราชการที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด เป็นผู้ก่อตั้งชมรมคนพิการต่างจังหวัด พูดจาน้ำเสียงเป็นผู้ใหญ่น่าเชื่อถือ พอได้จังหวะขอถ่ายภาพดิฉันพร้อมกับขอที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ของดิฉัน บอกว่าจะส่งภาพถ่ายในงานมาให้ดิฉัน หลังจาก ๓ ธันวาคม ...... งานคนพิการสากลผ่านไปไม่นาน นาย วายร้าย ก็ส่งแผ่นซีดีภาพบรรยากาศงานคนพิการสากลและภาพดิฉันที่อยู่ในงานคนพิการสากลที่นาย วายร้าย ขอถ่ายภาพไปมาให้ดิฉันทางไปรษณีย์ นาย วายร้ายเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาคุยกับดิฉันจะโทรมาเล่าเรื่องในอดีตที่ก่อตั้งชมรมคนพิการต่างจังหวัด ปรึกษาความเครียดเรื่องงาน , นาย วายร้าย ตั้งกระทู้ใหม่ที่เวบต์ คนพิการไทย ว่า วันที่ ๒ ธันวาคม ..... มีกิจกรรมงานวันคนพิการที่ต่างจังหวัดที่นายวายร้ายอยู่ อยากให้ทุกคนไปร่วมงานด้วยโดยเฉพาะคนพิการที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง ( กรุงเทพ ฯ ) ควรจะไปร่วมงานนี้ชมกิจกรรมงานคนพิการที่ต่างจังหวัดว่าจัดกันอย่างไร และเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของคนพิการต่างหวัด พร้อมกับโทรศัพท์มาชวนให้ดิฉันไปร่วมงานด้วยและจะสอนความรู้คอมพิวเตอร์แปลงไฟล์จากวีดีโอมาเป็นวีซีดีให้ ดิฉันให้นายวายร้ายสอนแปลงไฟล์จากวีดีโอมาเป็นวีซีดีทางโทรศัพท์แต่นายวายร้ายบอกกำลังแรงเครื่องคอมพิวเตอร์ดิฉันต่ำต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายวายร้ายซึ่งสูงกว่า อีกทั้งนาย วายร้าย ต้องการยืมรถเข็นอีกคันหนึ่งของดิฉันเพื่อเข็นชมงานกิจกรรมวันงานคนพิการต่างจังหวัดวันที่ ๒ ธันวาคม ..... ด้วย ดิฉันคิดว่าดิฉันไม่ได้ไปคนเดียว อีกทั่งนายวายร้ายเป็นข้าราชการระดับสูง ไม่คิดว่าจะเกิดอะไรไม่ดีกับตัวเองขึ้น จึงได้ตอบตกลง ไปกับพี่เลี้ยง คนขับรถ และภรรยาคนขับรถ รวมเป็นคณะเดินทางทั้งหมด ห้าคน
อนึ่งในวันที่ ๒ ธันวาคม งานวันคนพิการต่างจังหวัด เลิกแล้ว นาย วายร้าย เอารถเข็นมาคืนให้ และได้ขับรถรถมอเตอร์ไซต์ดัดแปลงสำหรับคนพิการคันสีแดง นำทางพาดิฉันและคณะไปที่ ชมรมคนพิการต่างจังหวัด..." จะเป็นที่มาของกลลวงของนายวายร้ายกระทำการลวนลามอนาจารและคุกคามทางเพศได้ หลังจากดิฉันเกิดเรื่องไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อ กว่าจะยกจิตใจขึ้นได้หลังจากรู้จักมูลนิธิแห่งหนึ่งพาไปแจ้งความหลังเกิดเรื่องไปแล้วหลายเดือน ตอนนี้กลายเป็นคดีก่อความเดือดร้อนจากนายวายร้ายดิฉันมีหลักฐานเสียงตอนที่ถูกนายวายร้ายลวนลามอนาจารและจม.ที่ให้ดิฉันถอนแจ้งความแต่ตำรวจไม่ยอมให้หลักฐานสองอย่างนี้เข้าสำนวนอ้างว่าไม่เกี่ยวกับคดีนี้ คดีนี้อาจถูกยกฟ้องจากอัยการ ไม่ทราบทำยังไงต่อไปข้อ ๑ ข้อ๒. ตอนนี้นายวายร้ายยังโทรมาแต่ดิฉันไม่รับโทรศัพท์ แต่จะทำยังไงให้นายวายร้ายไม่มาคุกคามดิฉันเด็ดขาด ข้อ ๓. เคยไปขอคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายแห่งหนึ่งแต่เจ้าหน้าที่แนะนำทำนองว่าให้ดิฉันไม่ควรต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมเรื่องนี้ ซึ่งดิฉันกลับออกมาด้วยความงงว่า เจ้าหน้าที่เรียนรู้กฎหมายกลับไม่รู้จักบังคับใช้กฎหมายให้ดีที่สุด , เจ้าหน้าที่ท่านนั้นคิดว่าเรื่องนี้เป็นคดีลหุโทษจึงไม่สนใจ และหรือ ที่สำคัญคือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเองจึงไม่เห็นความสำคัญที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายทราบดีว่า กฎหมายมีไว้เพื่อความระเบียบเรียบร้อยความสงบสุขของสังคม ไม่มีสิทธิไปละเมิดผู้อื่นโดยที่ผู้อื่นไม่เต็มใจ ข้อ๔.ช่วยแนะนำวิธีต่อสู้เรื่องนี้เพื่อความถูกต้องชอบธรรม และให้สังคมรับรู้อย่างไรไม่ให้ผู้หญิงอื่นตกเป็นเหยื่อได้อีก จักขอบคุณยิ่งนัก
|