คดีนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา (ผู้ถามเป็นฝ่ายโจทก์) ข้อเท็จจริงในคดี คือ มีที่ดินอยู่ 1 แปลง เนื่อที่ประมาณ 29 ไร่  (สามี ได้แบ่งแยกที่ดินออกไป ให้กับบุคคลภายนอกจำนวน 12 ไร่  (ให้โดยเสน่หา) โดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยา  ภริยามาทราบภายหลัง จึงฟ้องเป็นคดีนี้ ขอเพิกถอนนิติกรรมการให้   ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนฯ จำเลยที่ 2 (บุคคลภายนอก)  อุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธณ์พิพากษายืน  ปัจจุบันจำเลยที่ 2 ฎีกา   ปัญหาคือ โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนนิติการให้ โดยไม่ได้กล่าวถึงทรัพย์สินที่เป็นยาพาราในที่ดิน 12 ไร่  ขอคุ้มครองชั่วคราวศาลจึงไม่อนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราว  โจทก์ต้องการบังคับคดี ออกหมายบังคับคดี ตั้งเจ้าพนักงานบังคับ เพื่อให้มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าพนักงานที่ดิน เพื่อแจ้งให้จำเลยที่ 2 ปฎิบัติตามคำพิพากษา แต่ก็ยกคำร้อง โจทก์จึงนำคำพิพากษา ไปยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดิน แต่เจ้าพนักงานที่ดินไม่ดำเนินการให้ อ้างว่าคดียังไม่ถึงที่สุด  คำถาม ข้อ 1 โจทก์จำเป็นต้องโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีและคำสั่งของเจ้าพนักงที่ดินหรือไม่ คำถามข้อที่ 2 โจทก์อ้างเอาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ มาอ้างเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำพิพากษา เพื่อฟ้องขับไล่จำเลยที่ 2 ไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับที่ดินจำนวน 12 ไร่ ได้หรือไม่ มีตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับประเด็นนี้บ้างหรือไม่