การไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท คือกระบวนการ ที่ จะทำให้คู่พิพาทในคดี คือ โจทก์-จำเลย ระงับข้อพิพาท กันในคดี  ไปโดย ศาลไม่ต้องพิจารณาพิพากษา ในคดี  ซึ่งจะทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินคดีของศาล และของคู่ความ  การไกล่เกลียข้อพิพาท เป็นไปเพื่อให้เกิดการประนีประนอมยอมความ คือ ทั้งสองฝ่ายต่าง ยินยอมที่จะลดหย่อนผ่อนผัน ข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่าย ให้แก่กัน  เช่น โจทก์ฟ้องเรียก รถคืน หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 1 ล้านบาท , เรียกค่าค่าดประโยชน์อีก 1 แสนบาท ,ค่าติดตามรถอีก 1 หมื่นบาท รวมแล้ว 1,110,000 บาท โดยให่ชำระทันทีที่ศาลมีคำพิพากษา ซึ่งเมื่อมีการไกล่เกลี่ยกันเกิดขึ้นฝ่ายลูกหนี้ (จำเลย) อาจจะเสนอประนีประนอมยอมความกันได้หลายเงื่อนไขเช่น

       1. จำเลยคืนรถยนต์ให้ แต่ให้โจทก์ลดเงินให้ ทั้งหมด และไม่ติดใจเรียกร้องอะไรอีก 

       2. จำเลยต้องการรถไว้ใช้ แต่ ไม่มีเงินจ่าย  ทั้งหมด ตามที่โจทก์เรียกร้อง ก็อาจจะขอลดหย่อน จำนวนเงินลงมา เหลือ ตามจำนวนที่จำเลยสามารถชำระได้ เช่น ชำระกัน 7-8 แสนบาท

      3. หรือ หากยังไม่มีเงินก้อน ตามข้อ 2. อาจจะขอผ่อนชำระใมห้แก่โจทก์โดยมีกำหนดเวลาแน่นอน

      4. ฯล,ฯ แล้วแต่ ว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีการเสนอกันอย่างไร

 ซึ่งเมื่อมีการเสนอ การประนอมหนี้ดังกล่าวแล้ว ศาล หรือผู้ประนีประนอม ก็จะทำการไกล่เกลี่ย อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้ยอมรับ ข้อเสนอดังกล่าว หรือ อาจจะขอให้ ฝ่ายเจ้าหนี้ เสนอมา ว่าต้องการอย่างไร เพื่อให้ลูกหนี้สามารถปฏิบัติได้

การไกล่เกลี่ย ข้อพิพาท ลูกหนี้ จะไปเอง หรือมอบอำนาจให้ฝ่ายทนายความ ไปดำเนินการให้ก็ได้ แต่ควรจะกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนว่า ทนายความจะทำการประนีประนอมกันได้แค่ไหน และเพียงใด เพื่อป้องกัน ความเสียหาย ที่ทนายไป กระทำเอง โดยพลการ ครับ เช่น ให้อำนาจเลยว่าสามารถตกลงชำระหนี้ได้ไม่เกิน จำนวน 600,00 บาท และเป็นการผ่อนชำระ ให้เสร็จไม่น้อยกว่า 60 งวด อะไรแบบนี้ แต่ทางที่ดี หากฝ่ายลูกหนี้ ประสงค์จะประนีประนอม หรือคิดว่า การประนีประนอม จะทำให้เกิดประโยชน์ แก่ตนมากกว่า ปล่อยให้คดีค้างอยู่ ก็ น่าจะไปทำการไกล่เกลี่ยเอง โดยให้ทนายไปดูแล เกี่ยวกับผลของกฎหมาย ก็จะดีกว่าครับ

1.  การไปไกลเลี่ยนั้นจำเป็นต้องไปทั้งผู้ซื้อและผู้ค้ำหรือไม่

 ตอบ  ไม่จำเป็นครับ , เพียงแต่มอบหลักการ ให้แก่ ทนายไปก็ได้

2.  หากจ้างทนายจำเป็นต้องจ้างไกล่เกลี่ยเพื่อผู้ซื้อและผู้ค้ำหรือไม่

ตอบ   ก็ ไม่จำเป็นอีกนั่นแหล่ะ เพราะ ว่า หากผู้เช่าซื้อไกล่เกลี่ยได้ ผู้ค้ำ ก็ต้องผูกพันตามนั้น

3. สามารถจ้างทนายเพื่อผู้ซื้อคนเดียวได้หรือไม่

ตอบ ได้

4.  ในกรณีผู้ค้ำไม่ไปศาลจำเป็นต้องจ้างทนายด้วยหรือไม่

ตอบ  การจ้างทนายไปศาล ต้องทำอยู่แล้วครับ เพราะเป็นการระวังรักษษสิทธฺในการต่อสู้คดีตามกฎหมาย

5. ในคดีผิดสัญญานี้จำเลยทุกคนหากขึ้นศาลแล้วต้องแพ้ทุกรายหรือไม่

ตอบ  ไม่จำเป้นครับ ,ชนะก็มี แตไม่ได้หมายความว่า ชนะหมด นะครับ เช่น เจ้าของรถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย มาหลายส่วน เช่น เรียกรถคืน ,หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคา, เรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ , เรียกค่าขาดประโยชน์ , เรียกค่าเสื่อมสภาพ ฯลฯ  การแต่งตั้งทนายความเข้าไปต่อสู้คดี จะมีประโยชน์ในการคัดค้านจำนวนของความเสียหาย มากกว่าไม่แต่งทนายเค้าไปครับ เพราะ บางที ค่าเสียหายต่างๆ เจ้าหนี้เค้านำมาฟ้องโดยที่ขาดอายุความแล้ว ก็ได้

6. หากไกล่เกลี่ยแล้วเรามีความประสงค์จะผ่อนชำระต่อศาลจะอายัดอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ สัญญาซื้อขายเพียงแค่ 7 หมื่นกว่าบาท

ตอบ  การไกล่เลี่ย เป็นขั้นตอน ก่อนที่จะมีการสืบพยานห รอืก่อน พิพากษาครับ  การยุดทรัพย์เป็นเรื่องทีเกิดขึ้น หลังจาก ศาลมีคำพิพากษาแล้ว ดังนั้น ทั้งสองเรื่อง จึงเกป็นคนละขั้นตอนกันครับ

7. ในกรณีใดบ้างที่ศาลจะอายัดอสังหาริมทรัพย์และขายทดตลาด มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ร่วม 3 ล้าน

ตอบ  กรณีที่ ลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษา และเจ้าหนี้ยืนยันให้ยึดทรัพย์ ครับ

หากมีข้อสงสัยเรื่องการไกล่เกลี่ย โทรสอบถามได้นะครับ

คดีผู้บริโภค..ที่ผู้ประกอบการเป็นผู้เสียหาย

1.จำเป็นต้องจ้างทนายหรือไม่

2.หากผู้ประกอบการเรียกร้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ควรดำเนินการเช่นไร

3.ลูกค้าไม่ชำระค่าสินค้าอยู่ในคดีคุ้มครองผู้บริโภค แล้วกฏหมายคุ้มครองผู้ประกอบการอย่างไร