[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
อาศัยอยู่บ้านบนที่ดินมรดกมีหนังสือ น.ส.3 มา59ปี สามารถใช้สิทธิครอบครองได้หรือไม่ | |
เรียนปรึกษาท่านอีกสักครั้งค่ะ (มีข้อมูลละเอียดกว่าครั้งที่แล้ว) หนูอยากสร้างบ้านใหม่ให้แม่แต่กลัวอนาคตจะโดนไล่ที่ เรื่องคือ ที่ดินของบ้านหลังนี้ยังไม่มีโฉนด หนูจึงไม่กล้ารื้อหรือสร้างบ้านใหม่ เพราะยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงจึงสอบถามความเป็นมาของที่ดินผืนนี้จากแม่และน้าคนอื่นๆรวมทั้งยายของหนู ได้ความว่าบ้านที่หนูอยู่ปัจจุบันนี้และที่ดินเปล่าข้างๆเป็นมรดกตกทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงรุ่นยาย(ยายคือมารดาของแม่หนู) ยายมอบบ้านพร้อมที่ดินให้แม่หนูอยู่ ส่วนที่เปล่าข้างๆยายมอบให้น้าคือลูก4คนลำดับถัดไปอย่างเท่าเทียมกัน ตากับยายมีลูกทั้งหมด8คน ลูกๆยังมีชีวิตอยู่ทุกคน (ยายพึ่งเสียชีวิตเมื่อเดือน ธ.ค. 2562 ส่วนตาเสียชีวิต พ.ศ.2547 ค่ะ)แม่เป็นลูกคนที่4 ซึ่งหลังจากแบ่งสรรปันส่วนที่ดินผืนนี้ก็มีน้าบางคนมาสร้างบ้านหลังเล็กๆจับจองที่ดินไว้เรียบร้อย ที่ดินผืนนี้ยายมอบให้ลูกทั้ง5คนแบบปากเปล่า ส่วนป้าคนโตทั้ง3คนไม่ได้ส่วนแบ่งจากที่ดินผืนนี้เพราะได้รับที่ดินและที่นาบริเวณหมู่บ้านอื่นกันแล้ว และป้าทั้ง3คนได้สัญญาแบบปากเปล่ากับตายายว่าไม่ขอมีส่วนแบ่งจากที่ดินผืนนี้เพราะพวกตนได้รับมรดกมากกว่าน้องทั้ง5คนแล้วและที่ดินผืนนี้ก็มีเนื้อที่2ไร่กว่าๆไม่มากมายอะไร ส่วนที่แม่หนูได้บ้านหลังนี้พร้อมที่ดินเพราะแม่เป็นคนอยู่ดูแลตากับยายของหนูมาตลอดจนท่านเสียชีวิต ทีนี้หนูอยากรื้อบ้านหลังนี้แล้วสร้างหลังใหม่ให้เหลือชั้นเดียวเพราะบ้าน2ชั้นหลังที่ว่า อยู่มายาวนานค่อนข้างพุพังมากๆกลัวจะถล่มเป็นอันตรายกับพ่อแม่ หนูเลยปรึกษาป้า(ลูกคนโตของตายาย)ว่าอยากได้โฉนดที่ดินให้เป็นกิจลักษณะ เพราะหนูเป็นลูกคนเดียว อยากมีบ้านที่มั่นคงไม่อยากมีปัญหาทีหลัง ป้าซึ่งเป็นลูกคนโตของยายจึงเล่าความเป็นมาของที่ดินผืนนี้ แต่เดิมเป็นที่ดินของตาทวด(ตาทวดคือสามีใหม่ของแม่ของยายหนู) ซึ่งตอนตาทวดมีชีวิตอยู่ตาทวดมีลูกติดอยู่แล้ว(แต่ตอนนี้ป้าไม่รู้ว่าลูกๆของตาทวดเขาไปอยู่ไหน) ตาทวดได้หย่าร้างกับภรรยาแล้วมาอยู่กับยายทวดซึ่งยายทวด(ยายทวดคือแม่ของยายหนู)ก็มีลูกติดกับสามีเก่าเหมือนกันคือยายของหนู ตาทวดมาอยู่กับยายทวด จนยายของหนูโตแล้วแต่งงานกับตามีลูกด้วยกัน8คน ตาทวดกับยายทวดเป็นคนช่วยเลี้ยงลูกคนโตทั้ง3คนของตากับยายจนเติบโต ก่อนที่ตาทวดจะเสียชีวิต จึงได้เขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สินของตาทวดรวมถึงที่นาของตาทวดที่มีอยู่ให้กับป้าทั้ง3คน แต่ป้าบอกว่าตาทวดไม่ได้เขียนระบุเจาะจงที่ดินผืนนี้ในพินัยกรรมแต่บอกเชิงมอบทรัพย์สินของตาทวดโดยรวมให้ป้าทั้ง3คน ***ซึ่งแม่ของหนูยังไม่เห็นพินัยกรรมฉบับนี้ค่ะ แต่ถ้าขอดูพินัยกรรมฉบับนี้ป้าคนโตก็จะพูดบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดู ก่อนหน้านี้แม่ก็ได้พยายามขอดูพินัยกรรมจากป้ามาตลอด แต่ป้าพยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดเช่นกันและถ้าแม่บอกกับป้าว่าอยากสร้างบ้านใหม่ ป้าคนโตมักจะบอกแม่ว่าให้สร้างพออยู่ไปก่อนได้ไหม ไม่ต้องขอทำโฉนดหรอกเพราะกลัวทางฝั่งลูกติดของตาทวดจะรู้ แล้วเขาจะมาฟ้องเอาที่ดินแปลงนี้ได้ เพราะในพินัยกรรมไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามอบที่ดินแปลงนี้ให้ป้าและตาทวดมีทายาททางสายเลือดเขาสามารถมาฟ้องเอาที่ดินผืนนี้ได้ และวันนี้หนูพึ่งทราบจากน้าว่าที่ดินผืนนี้มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3 ฉบับผู้เป็นเจ้าของที่ดินเป็นชื่อของตาทวด และน้าได้ส่งรูปสำเนาให้ดู (น้ามีสำเนาเก็บไว้เพราะป้าเคยใช้น้าไปถ่ายเอกสาร) เมื่อดูรูปที่ดินใน น.ส.3 ก็คับคล้ายว่าจะเป็นที่ดินผืนนี้ แต่ด้านทิศตะวันออกของที่ดินติดถนนใหญ่ (ปัจจุบันเป็นทาง4เลนแล้ว)แต่ใน น.ส.3ไม่เขียนระบุไว้และขีดละ ในเอกสารระบุเนื่อที่โดยประมาณว่า 1ไร่69วา แต่ลูกทุกคนจะบอกว่าที่ดินผืนนี้น่าจะ 2 ไร่กว่าๆ มีแค่ข้อความระบุ’ที่ดินตั้งอยู่’นั้นที่ตรงกับบ้านเลขที่หลังนี้ที่แม่หนูอยู่ค่ะ ซึ่งในทะเบียนบ้านเลขที่นี้ ปัจจุบัน ชื่อลำดับที่1 คือ ยายของหนู (เสียชีวิตแล้ว) ลำดับที่2 คือแม่ของหนู ลำดับ3 คือ น้า (ลูกคนที่5ของยาย น้าหย่าร้างกับสามีจึงขอเอาชื่อมาอยู่ในทะเบียนบ้านด้วย)รวมเป็นทั้งหมด3คน หนูจึงสงสัยว่า เอกสาร น.ส. น่าจะแสดงถึงที่ดินผืนนี้จริงแต่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ(แค่สงสัย) บางวันหนูปรึกษาเรื่องนี้กับป้า ป้าเหมือนจะให้ความร่วมมือ บอกว่าถ้าอยากได้โฉนดจริงๆให้แม่หนูเป็นคนดำเนินการรวมถึงออกค่าใช้จ่ายเอง ส่วนน้าคนอื่นๆให้ความร่วมมือดีเพราะอยากให้ที่นี้มีโฉนดจะได้แบ่งสรรปันส่วนกันจะได้มีที่ดินให้ลูกหลานของน้าแต่ละคนทำกินอย่างถูกต้องและมั่นคงต่อไป พอช่วงนี้ขอปรึกษาเรื่องนี้กับป้าอีกเพื่อที่จะได้เริ่มดำเนินการ คาดว่าคงจะไปสำนักงานที่ดินจังหวัดให้ช่วยชี้แนะแนวทางว่าจะออกโฉนดที่ดินอย่างไร ป้าแต่ละคนก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดูพินัยกรรมและเอกสารน.ส.3 วันนี้จึงปรึกษาแม่และน้า ได้ข้อตกลงกันว่าจะขอดูและถ่ายสำเนาพินัยกรรมและเอกสารน.ส.3 จากป้าอีกครั้ง ถ้าป้ายังบ่ายเบี่ยงไม่ให้ดู คงต้องไปขอให้อัยการจังหวัดท่านช่วยจะได้ไหมคะหรือหนูควรทำอย่างไร แม่หนูรักและอยากรักษาที่ดินผืนนี้ไว้เพราะเป็นมรดกจากพ่อแม่ที่มอบให้ท่านมา ไม่อยากให้ตกอยู่ในมือคนอื่นหรือต้องขายให้คนอื่นค่ะ หนูจึงขอปรึกษานะคะว่า
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ จิตลดา :: วันที่ลงประกาศ 2020-05-24 14:55:50 IP : 27.55.69.203 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (4378261) | |
สิทธิครอบครอง
จากข้อเท็จจริง ถ้าใช้ช่องทางการรับมรดก น่าจะยุ่งยาก เพราะมีทายาทมากมายหลายชั้น....ถ้าคุณแม่ของคุณเป็นบุตรของคุณยาย ที่เป็นลูกติดของสามีเก่า เมื่อตาทวดตาย แม่จึงไม่มีสิทธิ์รับมรดกของตาทวด เพราะไม่ใช่ทายาท โดยธรรม ในเมื่อคุณแม่ใช้สิทธิครอบครองที่ดินแปลงนี้ ในฐานะเจ้าของเกินหนึ่งปี แม่จึงอ้างสิทธิครอบครองที่ดีกว่า ใช้ยันทายาทของตาทวดได้....
ตอบ..แม่สามารถอ้างสิทธิครอบครองได้ ตามความเห็นข้างต้น
ตอบ..ถ้าพินัยกรรมมีอยู่จริง ก็เป็นไปตามที่ทนายเขาบอก แม้พินัยกรรมจะมีอยู่จริง แต่ป้าผู้รับมรดกตามพินัยกรรม ไม่จัดการมรดกตามพินัยกรรม และไม่เคยครอบครองที่ดิน ปล่อยไว้เนิ่นนานเกินควร ถ้าแม่ครอบครองที่ดินในฐานะเจ้าของ ก็อ้างสิทธิครอบครองใช้ยันป้า ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมได้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2020-05-25 08:16:38 IP : 101.51.208.174 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1087956 |