เรื่องนี้ เคยอธิบายไปหลายรอบ แล้ว ครับ 

1. บางท่านว่าถ้าบ้านยึดก่อนที่ทางเจ้าของบ้านเดิม(จำเลย)จะทำสัญญาเช่ากับผู้อาศัย ทางผู้ประมูลได้ไม่ต้องรับผิดชอบในสัญญาเช่านั้น จริงหรือไม่ 

ตอบ  การเช่า เป็นเรื่องของคนเช่า กับคนให้เช่า  เท่านั้นครับ ไม่มีผลผูกพันกับคนซื้อทรัพย์เลย เค้าจะเช่ากัน เมื่อไหร่ อย่างไร ก็เป็นเรื่องของเค้า ผู้ซื้อทรัพย์เดือดร้อนเพียงแค่ไม่สามารถเข้าครอบครอง บ้านที่ซื้อมาได้ ก็ต้องฟ้องขับไล่ คนที่อาศัยอยู่ในบ้าน หากทราบว่าชื่ออะไร หากไม่ทราบ ก็ต้องฟ้องเจ้าของเดิม ครับ

2. จำเป็นต้องไปขอคัดลอกสำเนาจากกรมบังคับคดีในเรื่องการยึดหรือไม่ครับ

ตอบ  ไม่จำเป็นครับ , การยึดทรัพย์ เป็นเรื่อง ระหว่าง โจทก์(เจ้าหนี้ ) ตามคำพิพากษา นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ ตามคำสั่งของศาล ซึ่ง เป็นกระบวนการบังคับคดี ผู้ซื้อทรัพย์เป็นบุคคลภายนอกไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว  จะไปคัดสำเนา มาอ้างในคดี แล้วจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาล่ะครับ  เพราะยังไงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับผู้ซื้อทรัพย์อยู่แล้ว  ข้อเดือดร้อน ของผู้ซื้อทรัพย์คือไม่สามารถเข้าครอบครองบ้านพิพาทได้ ก็ ควรจะนำเอาเอกสาร การได้มา ซึ่งทรัพย์นั้น มาแสดงต่อศาล ก็เพียงพอแล้ว

3. หากเจ้าของบ้านเดิม(จำเลย) เป็นบุคคลล้มละลาย(ปัจจุบันก็ยังเป็นบุคคลล้มละลายอยู่) ในรูปคดีสามารถนำมาใช้กับคดีฟ้องขับไล่นี้ได้หรือไม่อย่างไรครับ

ตอบ  ได้สิครับ , เจ้าของบ้านเดิม เป็นบุคคลล้มละลาย พรบ.ล้มละลาย ห้ามนำนิติกรรม ใดๆ  การมีรายรับ รายจ่าย ใดๆ ต้องรายงานให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ  หากไม่รายงาน มีความทางอาญาด้วย

ดังนั้น เมื่อเจ้าของเดิมล้มละลาย แล้ว ก็ไม่มีอำนาจในการทำสัญญาเช่า หรือเก็บค่าเช่าโดย พลการ ซึ่งผู้ซื้อทรัพย์อ่าจจะขอตรวจสอบ จาก เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นี่ครับ ว่ามีการรายงานให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทราบหรือไม่ ก็จะสามารถพิสูจน์ได้ว่า มีการทำสัญญาเช่ากันจริงหรือไม่จริง

4. ทางฝ่ายจำเลยคนหนึ่งพยายามอ้างตนเองว่าไม่ได้เป็นบริวารของจำเลย ไม่ทราบว่าเค้าพยายามโต้แย้งทำไมครับ และจะมีผลกับรูปคดีอย่างไรบ้างครับ

ตอบ ก็เป็นเรื่องในการพยายามหาข้อต่อสู้ เพื่อประวิงระยะเวลาในการดำเนินคดีให้นาน ออกไป เพื่อจะได้หาประโยชน์ในบ้านพิพาท ไงครับ