ReadyPlanet.com


ปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางการชำระหนี้


เค้าบอกว่าต้องชำระยอดค้างทั้งหมด อีก 20,000 บาท (เงินต้น 15,000 สัญญาปี 2002) แต่ที่ผ่านมา หลังจากขาดการชำระ และได้รับจดหมายทวงถามในช่วงกลางปี 2004 ได้ทยอยชำระมาตลอด ซึ่งยอดที่ชำระแล้วถึงเดือนมกราคม 2005 เป็นเงิน 18,000 บาทแล้ว ซึ่งหนูกำลังเจราปิดบัญชีอยู่ แต่พอทราบว่ายังมียอดค้าง+เบี้ยปรับ ทั้งหมด 20,000 บาทนั้น ถ้ารวมกับที่ชำระไป ก็เป็นเงิน เกือบ 40000 บาทแล้ว หนูอยากทราบว่าทำไมกฎหมายถึงออกมาให้สถาบันการเงิน คิดเบี้ยปรับได้มากขนาดนั้น พี่ช่วยแนะแนวการเจรจา ให้หนูได้มั้ยคะ เนื่องจากหนูได้โทรคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการที่จะปิดบ/ช โดยการขอหยุดการคิดดอกเบี้ย และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ซึ่งทางสถาบันฯ ลดให้ เหลือ 11000 บาท จากยอด 20000 บาท และหากไม่ชำระให้หมด ก็ต้องโดนดอกเบี้ย+เบี้ยปรับอีกในเดือนต่อไป (ซึ่งไม่รู้ว่าด้านกฎหมายสามารถลด/ทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่) ต้องชำระภายใน 28/2/2005 ซึ่งหนูจะสามารถมีวีธีเจรจาแบบใดได้บ้าง ถ้าจะแบ่งเป็น 2 งวด (ก.พ.-มี.ค.) เพราะหนูคงไม่สามารถหามาชำระได้ทั้งหมดครั้งเดียวและไม่อยากถูกดอกเบี้ย+ค่าปรับทับถมอยู่แบบนี้อีก ขอทราบเป็นความรู้ด้วยนะคะ ว่าหากฟ้องร้องเป็นคดีความ จะมีอายุความเท่าไร และปรกติหากเจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ ศาลจะพิจารณาความสำคัญที่ประเด็นใดมากที่สุดคะ แล้วส่วนใหญ่คดีจะจบออกมาในรูปแบบใดบ้างคะ


ผู้ตั้งกระทู้ น้อง/ขอบคุณพี่ด้วยค่ะ :: วันที่ลงประกาศ 0000-00-00 00:00:00 IP :


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (59960)

กรณี ของคุณ ไปตกลงกับ คนทวงหนี้ครับ เค้าไม่มีอำนาจสรุป ยอดหนี้ให้คุณได้ คุณเสนออะไรไป เค้าก็ตกลง หรืออาจเสนออะไรมา เพื่อให้คุณชำระเงินให้เค้า ก็สามารถทำได้ พอ ชำระไปแล้ว ก็ไม่ได้ลดหนี้ หรือลดดอกเบี้ยอะไรให้ เงินที่ชำระไป ก็ไปชำระค่าปรับ หรือดอกเบี้ยหมด

การ เจรจา ต่อรอง ขอลดหย่อน หนี้ ในส่วนของดอกเบี้ย หรือ ค่าปรับ ควรตกลงกับคนที่มีอำนาจ ในการตกลง คือ ฝ่ายประนอมหนี้ หรือ ทางที่ดีให้เค้าออกใบปลดหนี้ให้ด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ครับ เพราะไม่ยังงั้น ก็จะเจอ ในลักษณะนี้ตลอดครับ  ถ้ายังไง ลองไปร้องเรียนที่ สคบ.ดูสิครับ เพื่อเค้าจะช่วยได้บ้าง

ผู้แสดงความคิดเห็น ปมุข 0-1820-2236 วันที่ตอบ 2005-02-24 17:07:00 IP :



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.