ReadyPlanet.com


จดหมาย


ขอบพระคุณคุณปมุขมากครับ ที่ได้ช่วยตอบปัญหาของผม  แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมสงสัย คือการที่เราจะให้ทนายทำหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ซื้อที่ดิน ว่าให้มารับโอนและชำระส่วนที่เหลือให้หมด ในวันที่เราระบุไว้  (ตอนทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ไม่ได้ระบุวันที่ครับ ระบุเพียงว่าโฉนดที่ขอแบ่งรังวัดนั้น ถ้าโฉนดออกแล้วงวดที่ 2 ถึงจะจ่ายเป็นแปลง แปลง ไป  พอโฉนดออกแล้วเขาก็ไม่มารับโอน  คุณปมุขคงจำได้นะครับ )

  ถ้าผมจ้างทนายให้ทำหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ซื้อแล้ว ข้อสงสัยที่ผมอยากจะรู้คือ     

              1. ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะฟ้องศาลได้หรือไม่ครับ เพราะตอนนี้ผู้ซื้อพอจะรู้แล้วครับว่าผมจะจ้างทนายทำหนังสือบอกกล่าว  ผู้ซื้อโทรมาบอกว่าถ้าไม่อยากเสียเวลาขึ้นศาลก็ตามใจ  กว่าเรื่องคดีความจะจบที่ดินของผมก็ไม่สามารถขายต่อให้ใครได้ จนกว่าจะครบ 3 ปี หรือจนกว่าคดีความจะเสร็จเรียบร้อย  ผู้ซื้อบอกว่าค่าศาล ก็ 50,000  บาท

ค่าจ้างทนายอีก  เขาบอกว่าทนายเขาก็หวังกินเงินเราเท่านั้นแหละ ถ้าจะให้ดีให้ทางผมมาตกลงกันใหม่ ไม่ต้องส่งจดหมายบอกกล่าวมา   ผมอยากรู้ว่าทางผู้ซื้อมีสิทธ์ในการฟ้องร้องหรือไม่  ศาลเขาจะรับฟ้องหรือปล่าว  ผมกลัวว่าถ้าหากเขาฟ้องร้องได้จริงมันคงจะต้องเสียเวลา และที่ดินของผมก็คงจะบอกขายต่อกับบุคคลอื่นไม่ได้จนกว่าคดีความจะจบ.

               2. ถ้าหากทางผู้ซื้อเขารู้อยู่ว่าถ้าฟ้องร้องได้ แต่ถึงฟ้องร้องไปเขาก็เป็นฝ่ายแพ้

แต่เขาต้องการที่จะแกล้งผม ไม่ให้ผมขายที่ดินให้กับบุคคลอื่น โดยการฟ้องศาลเพื่อยื้อเวลา  กว่าเรื่องคดีความจะจบก็  3 ปี   อย่างนี้ทางผู้ซื้อเขาสามารถทำได้ไหมครับ  แล้วมันจะเป็นจริงอย่างที่เขาบอกหรือไม่ครับว่า 3 ปี  ผมถึงจะขายให้กับบุคคลอื่นได้.

             3.  ทางผู้ซื้อโทรมาถามผมว่าทนายที่ทางผมจ้างชื่ออะไร  เขาต้องการอยากรู้ไปทำไมครับ  แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้จ้างทนายคนไหนเลย  ต้องการอยากปรึกษาคุณปมุขก่อน

              4. ถ้าหากผมจ้างทนายทำหนังสือบอกกล่าวไป  แล้วระบุวันที่ให้ผู้ซื้อมารับโอน อย่างเช่น วันที่  30  มิ.ย 2548  ให้ผู้ซื้อมารับโอนที่ดิน และให้ชำระในส่วนที่เหลือให้หมด  ถ้าหากพอถึงวันที่  30  มิ.ย  2548   แล้ว ทางผู้ซื้อไม่มารับโอน  คือสัญญาเป็นโมฆะ ผมสามารถบอกขายต่อให้กับบุคคลอื่นได้เลยหรือปล่าวครับ  แล้วทางผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธ์ที่จะมาฟ้องร้องทางผมได้ใช่ไหมครับ

             5.  ถ้าหากทางผู้ซื้อมีสิทธ์ที่จะฟ้อง  เขาจะฟ้องผมด้วยเรื่องอะไรครับ เพราะยังไงทางผู้ซื้อก็เป็นฝ่ายผิด  หรือเป็นอย่างกรณีที่ผมกล่าวเอาไว้ข้างต้นว่า ทางผู้ซื้อเขาจะแกล้งผมเพื่อไม่ให้ผมขายที่ดินให้กับบุคคลอื่นได้ จนกว่าจะครบ  3  ปี

               6. วันนี้เขาได้โทรศัพท์มาหาผม ความจริงที่ผมไม่เคยรู้เลยก็ค่อย ค่อย กระจ่างขึ้น  คือคนที่ซื้อที่ดินผมนั้นจริง จริง เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งบุคคลที่ซื้อก็คือคนที่โทรมาหาผมวันนี้ แต่เขาโกหกว่าเขาเป็นนายหน้า แต่ทางผู้ซื้อให้เขาจัดการเรื่องทุกอย่างให้   แต่ลายเซ็นที่ลงในสัญญาซื้อขายกันก็ถูกต้องทุกอย่าง เพียงแต่บุคคลทั้งหมดรู้เห็นเป็นใจกัน  คนที่ซื้อที่ดินผมจริง จริง ก็คือนายหน้าคนนี้ เพียงแต่เอาบุคคลอื่นมาเป็นตัวแทนในการซื้อขายที่ดิน   เขาบอกกับผมว่าเขาได้ไปขอ***้เงิน กับบุคคลที่เขาให้มาเป็นคนซื้อในวงเงิน  2500000  เพื่อเอามาวางมัดจำผมงวดแรก  และเขาก็ได้ทำสัญญากันโดยที่ไม่ได้ระบุวันที่  เพียงแต่โฉนดออก แล้วจ่ายงวดที่ 2  เพราะเขาต้องการที่ของผมไปแบ่งขายเพื่อให้ได้กำไรมากกว่าที่ทางผมตกลงกับเขาเอาไว้ แต่พอเอาเข้าจริง จริง เขาก็ขายไม่ได้ เพราะราคาที่เขาบอกขายมันสูงกว่าที่ผมบอกขาย เป็น  5  เท่า

เพียงแต่ว่าเขาได้ถมที่ดินของผมไปหมดแล้ว  เขาก็เลยบอกราคาสูงกว่า  เมื่อขายไม่ได้เขาก็ไม่มีเงินมาจ่ายทางผม และก็ไม่มีเงินไปจ่ายกับบุคคลที่เขาพามาหลอกว่าเป็นผู้ซื้อ

แต่ว่าทั้งสองฝ่ายนี้รู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็เลยเชื่อใจกัน ถ้าหากผมรู้ว่าคนที่เป็นนายหน้าเป็นคนซื้อเอง ผมคงจะไม่ขายให้แน่ เพราะเขาติดเงินพ่อของผมอีก เป็นเงินต้นก็มากโขครับ เขาคงเห็นว่าพ่อผมไม่เคยเอาเรื่องเขา ไม่เคยให้ทนายจัดการอะไรกับเขา

เช็คเด้ง พ่อผมก็ไม่เคยเอาเรื่องเขาเลย เขาคงเห็นพ่อผมเป็นคนสวน ยังไงทำสัญญาซื้อขายที่ดินกัน ถ้ายังไม่โอน ก็คงจะไม่มีปัญหา  ก็คงปล่อยเลยตามเลย แต่เขาคิดผิดตอนนี้ผมโตพอที่จะรู้เรื่องอะไรบ้างแล้ว และอีกอย่างมันก็เป็นที่ดินของผมด้วย  ผมจึงได้ค้นหาบริษัทกฎหมาย และได้มาเจอกับบริษัทของคุณปมุข  และคำตอบที่คุณได้ตอบผมไปก่อนหน้านี้ ก็ช่วยให้ผมรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับกฎหมาย และคุณปมุขก็ยังได้ช่วยคุณพ่อของผมที่เป็นความดันสูงอยู่ในขณะนี้ได้สบายใจและไม่เครียดเมื่อรู้ว่าทางแก้ไขของครอบครัวเรายังมีความหวัง  ขอบพระคุณมากครับ 



ผู้ตั้งกระทู้ กาย :: วันที่ลงประกาศ 2005-06-17 22:20:35 IP :


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (133620)

1. ผู้ซื้อมีสิทธิที่จะฟ้องศาลได้หรือไม่ครับ เพราะตอนนี้ผู้ซื้อพอจะรู้แล้วครับว่าผมจะจ้างทนายทำหนังสือบอกกล่าว  ผู้ซื้อโทรมาบอกว่าถ้าไม่อยากเสียเวลาขึ้นศาลก็ตามใจ  กว่าเรื่องคดีความจะจบที่ดินของผมก็ไม่สามารถขายต่อให้ใครได้ จนกว่าจะครบ 3 ปี หรือจนกว่าคดีความจะเสร็จเรียบร้อย  ผู้ซื้อบอกว่าค่าศาล ก็ 50,000  บาทค่าจ้างทนายอีก  เขาบอกว่าทนายเขาก็หวังกินเงินเราเท่านั้นแหละ ถ้าจะให้ดีให้ทางผมมาตกลงกันใหม่ ไม่ต้องส่งจดหมายบอกกล่าวมา   ผมอยากรู้ว่าทางผู้ซื้อมีสิทธ์ในการฟ้องร้องหรือไม่  ศาลเขาจะรับฟ้องหรือปล่าว  ผมกลัวว่าถ้าหากเขาฟ้องร้องได้จริงมันคงจะต้องเสียเวลา และที่ดินของผมก็คงจะบอกขายต่อกับบุคคลอื่นไม่ได้จนกว่าคดีความจะจบ.

ตอบ  คนจะฟ้อง ยังไม่ก็หาเรื่องฟ้องได้ครับ ,เราคงจะไปห้ามไม่ให้เค้าฟ้องคงไม่ได้หรอกครับ ,เพียงแต่ว่า จะเตรียมตัวอย่างไร ถ้าหากถูกฟ้อง สามารถชนะคดีได้ หรือไม่ต้องเสียประโยชน์อะไรให้แก่ผู้ซื้อ  กรณีที่คุณถามมา หากผู้ซื้อ จะฟ้องก็สามารถฟ้องได้ เช่น เรียกเงินมัดจำคืน และเรียกค่าเสียหายที่ทำประโยชน์ในที่ดินเราไป (ถ้ามี) เช่น ค่าถมดิน หรือ ค่าก่อสร้างในที่ดิน  การฟ้องในลักษณะดังกล่าว ก็ เพื่อที่จะเจรจา ขอขยายระยะเวลาในการชำระส่วนที่เหลือ ซึ่งจะทำให้เราเสียหายตรงที่เสียเวลาและเสียโอกาสในการนำที่ดินไปขายให้แก่คนอื่นครับ

               2. ถ้าหากทางผู้ซื้อเขารู้อยู่ว่าถ้าฟ้องร้องได้ แต่ถึงฟ้องร้องไปเขาก็เป็นฝ่ายแพ้แต่เขาต้องการที่จะแกล้งผม ไม่ให้ผมขายที่ดินให้กับบุคคลอื่น โดยการฟ้องศาลเพื่อยื้อเวลา  กว่าเรื่องคดีความจะจบก็  3 ปี   อย่างนี้ทางผู้ซื้อเขาสามารถทำได้ไหมครับ  แล้วมันจะเป็นจริงอย่างที่เขาบอกหรือไม่ครับว่า 3 ปี  ผมถึงจะขายให้กับบุคคลอื่นได้.

ตอบ เค้าจะทำก็ทำได้ ครับ แต่ฝ่ายคุณก็ต้องหาทางแก้สิครับ เช่นถ้าหากการฟ้องเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต คุณก็สามารถ ฟ้องกลับ เรียกค่าเสียหาย และการขาดโอกาสในการขายที่ดินได้ครับ

             3.  ทางผู้ซื้อโทรมาถามผมว่าทนายที่ทางผมจ้างชื่ออะไร  เขาต้องการอยากรู้ไปทำไมครับ  แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้จ้างทนายคนไหนเลย  ต้องการอยากปรึกษาคุณปมุขก่อน

ตอบ  ไม่ทราบครับ

              4. ถ้าหากผมจ้างทนายทำหนังสือบอกกล่าวไป  แล้วระบุวันที่ให้ผู้ซื้อมารับโอน อย่างเช่น วันที่  30  มิ.ย 2548  ให้ผู้ซื้อมารับโอนที่ดิน และให้ชำระในส่วนที่เหลือให้หมด  ถ้าหากพอถึงวันที่  30  มิ.ย  2548   แล้ว ทางผู้ซื้อไม่มารับโอน  คือสัญญาเป็นโมฆะ ผมสามารถบอกขายต่อให้กับบุคคลอื่นได้เลยหรือปล่าวครับ  แล้วทางผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธ์ที่จะมาฟ้องร้องทางผมได้ใช่ไหมครับ

ตอบ ใช่ครับ แต่จะมีวิธีการที่ทำให้ คุณไม่ต้องถูกฟ้องได้อีกหลายวิธีครับ

             5.  ถ้าหากทางผู้ซื้อมีสิทธ์ที่จะฟ้อง  เขาจะฟ้องผมด้วยเรื่องอะไรครับ เพราะยังไงทางผู้ซื้อก็เป็นฝ่ายผิด  หรือเป็นอย่างกรณีที่ผมกล่าวเอาไว้ข้างต้นว่า ทางผู้ซื้อเขาจะแกล้งผมเพื่อไม่ให้ผมขายที่ดินให้กับบุคคลอื่นได้ จนกว่าจะครบ  3  ปี

ตอบ  การฟ้องเพื่อ จะขออายัดที่ดิน ไม่ให้คุณนำที่ดินไปขายให้แก่คนอื่น หรื่อ เพื่อต้องการขยายเวลาในการหาเงินมาชำระให้คุณจนหมดครับ

               6. วันนี้เขาได้โทรศัพท์มาหาผม ความจริงที่ผมไม่เคยรู้เลยก็ค่อย ค่อย กระจ่างขึ้น  คือคนที่ซื้อที่ดินผมนั้นจริง จริง เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งบุคคลที่ซื้อก็คือคนที่โทรมาหาผมวันนี้ แต่เขาโกหกว่าเขาเป็นนายหน้า แต่ทางผู้ซื้อให้เขาจัดการเรื่องทุกอย่างให้   แต่ลายเซ็นที่ลงในสัญญาซื้อขายกันก็ถูกต้องทุกอย่าง เพียงแต่บุคคลทั้งหมดรู้เห็นเป็นใจกัน  คนที่ซื้อที่ดินผมจริง จริง ก็คือนายหน้าคนนี้ เพียงแต่เอาบุคคลอื่นมาเป็นตัวแทนในการซื้อขายที่ดิน   เขาบอกกับผมว่าเขาได้ไปขอ***้เงิน กับบุคคลที่เขาให้มาเป็นคนซื้อในวงเงิน  2500000  เพื่อเอามาวางมัดจำผมงวดแรก  และเขาก็ได้ทำสัญญากันโดยที่ไม่ได้ระบุวันที่  เพียงแต่โฉนดออก แล้วจ่ายงวดที่ 2  เพราะเขาต้องการที่ของผมไปแบ่งขายเพื่อให้ได้กำไรมากกว่าที่ทางผมตกลงกับเขาเอาไว้ แต่พอเอาเข้าจริง จริง เขาก็ขายไม่ได้ เพราะราคาที่เขาบอกขายมันสูงกว่าที่ผมบอกขาย เป็น  5  เท่าเพียงแต่ว่าเขาได้ถมที่ดินของผมไปหมดแล้ว  เขาก็เลยบอกราคาสูงกว่า  เมื่อขายไม่ได้เขาก็ไม่มีเงินมาจ่ายทางผม และก็ไม่มีเงินไปจ่ายกับบุคคลที่เขาพามาหลอกว่าเป็นผู้ซื้อแต่ว่าทั้งสองฝ่ายนี้รู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็เลยเชื่อใจกัน ถ้าหากผมรู้ว่าคนที่เป็นนายหน้าเป็นคนซื้อเอง ผมคงจะไม่ขายให้แน่ เพราะเขาติดเงินพ่อของผมอีก เป็นเงินต้นก็มากโขครับ เขาคงเห็นว่าพ่อผมไม่เคยเอาเรื่องเขา ไม่เคยให้ทนายจัดการอะไรกับเขา เช็คเด้ง พ่อผมก็ไม่เคยเอาเรื่องเขาเลย เขาคงเห็นพ่อผมเป็นคนสวน ยังไงทำสัญญาซื้อขายที่ดินกัน ถ้ายังไม่โอน ก็คงจะไม่มีปัญหา  ก็คงปล่อยเลยตามเลย แต่เขาคิดผิดตอนนี้ผมโตพอที่จะรู้เรื่องอะไรบ้างแล้ว และอีกอย่างมันก็เป็นที่ดินของผมด้วย  ผมจึงได้ค้นหาบริษัทกฎหมาย และได้มาเจอกับบริษัทของคุณปมุข  และคำตอบที่คุณได้ตอบผมไปก่อนหน้านี้ ก็ช่วยให้ผมรู้อะไรมากขึ้นเกี่ยวกับกฎหมาย และคุณปมุขก็ยังได้ช่วยคุณพ่อของผมที่เป็นความดันสูงอยู่ในขณะนี้ได้สบายใจและไม่เครียดเมื่อรู้ว่าทางแก้ไขของครอบครัวเรายังมีความหวัง  ขอบพระคุณมากครับ 

ตอบ  เรื่องของคุณ ก็น่าจะ หาทางเลิกสัญญา และให้จบเรื่องไปโดยเร็ว เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียโอกาส ในการขายที่ดินอีกครับ  ยิ่งเคยมีเรื่องกันมาก่อน ก็ยื่งไปกันใหญ่ครับ เพราะ เค้าจะประเมิน ว่าเราไม่ทำอะไรเค้า เค้าก็จะยิ่งจะเอาเปรียบเราไปใหญ่ ครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ปมุข 0-1820-2236 วันที่ตอบ 2005-06-19 16:08:18 IP :



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.