ที่ดินมือเปล่า

    ผู้ครอบครองอยู่ย่อมมีสิทธิดีกว่า บุคคลอื่น   แต่เมื่อมีการออกโฉนดที่ดิน  สิทธิการครอบครองของคุณย่อมมีปัญหา  เจ้าของโฉนดที่ดิน ก็สามารถฟ้องขับไล่ได้  ก็มีทางออก สองแนวทาง   ทางแรก ฟ้องให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดิน  เพราะผู้ขอออกโฉนดที่ดินไม่ได้ครอบครองที่ดินอยู่จริง  หรือ ทางที่สอง   ฟ้องให้ได้กรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์  คือคุณ ถือครองที่ดินแปลงนี้ ในฐานะเจ้าของตั้งแต่ปี 2535 (ปีที่ออกโฉนดที่ดิน)  ในเมื่อครอบครองเกิน 10 ปี  (นับถึงปี 2545)ก็อ้างกรรมทสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์ได้   แต่ต้องใช้สิทธิทางศาล  ตามที่ทนายแนะนำ  จึงถูกต้องทั้งสองทาง ....ต้องรีบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเร็ว  ถ้ามีการขายที่ดินไป ให้คนภายนอกที่สุจริต   สิทธิการครอบครองปรปักษ์  จะถูกตัดตอนลง   ต้องนับอายุความ ขึ้นใหม่อีก  10 ปี นับแต่วันที่เจ้าของรายใหม่รับโอน มา  ซึ่งน่าจะไม่ทันการ  คงถูกเจ้าของรายใหม่ฟ้องไล่เสียก่อน ครับ

 ขอบคุณครับ คุณ มโนธรรม

แล้วสองแนวทางที่กล่าวมาอันไหนน่าจะสู้คดีได้ดีกว่ากันครับ

 การครอบครองปรปักษ์

     ถ้ามีข้อเท็จจริงตาม ปพพ. ม.1382  คือคุณครอบครองที่ดินแปลงนี้โดยสงบ (ไม่เคยมีใครโต้แย้ง) โดยเปิดเผย(ใครๆก็รู้กันทั่วว่าคุณคือเจ้าของ) ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ (ไม่ใช่ครอบครองแทนบุคคลอื่น) และเป็นเวลาติดต่อกัน 10 ปี  คุณอ้างกรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์ได้  จึงขอแนะนำให้เลือกทางนี้  ถ้าฟ้องให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดิน  ก็ต้องฟ้องกรมที่ดิน ซึ่งคงเป็นงานใหญ่ คงผ่านลำบาก....พยานหลักฐานในการฟ้องให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยการครอบครองปรปักษ์ ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน  เจ้าของที่ดินข้างเคียงทุกด้าน  และผู้ที่รู้ที่ทราบข้อเท็จจริงในการครอบครองที่ดินของคุณ  ถ้าพยานเหล่านี้ ยืนยันข้อเท็จจริงตาม ปพพ. ม.1382 (ข้างต้น)  คุณคงได้กรรมสิทธิ์  แต่ในชั้นการเจรจาไกล่เกลี่ย  ถ้ายอมถอยกันบ้างเรื่องคงจบเร็ว  เช่น ยอมจ่ายเงินให้แก่อีกฝ่ายบ้าง หรือ แบ่งปันที่ดินกันในส่วนแบ่งที่เหมาะสม  น่าจะดีกว่า การต่อสู้คดี ยาวนาน 3 --7 ปี  ครับ