-เจ้าของรถยนต์....ต้องรับผิดชอบจากการเสียหายอันเกิดจากรถยนต์คันนั้น  เว้นพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย(มาตรา437)

-กรณีของผู้ร้อนใจก็ต้องดูว่าคนขับรถประมาทหรือไม่และเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ถ้าคนขับประมาทและไม่ใช่เหตุสุดวิสัยคนขับรถต้องรับผิด  แต่...การจะตัดสินว่าประมาทหรือไม่  ไม่ใช่เรื่องที่สรุปกันได้ง่ายๆ  จึงทำให้เกิดประเด็นโต้แย้งกันไม่มีข้อยุติได้ง่ายๆ คนขับรถที่มีอิทธิพลหน่อยมักบอกปัดว่า  "ฉันไม่รับผิดชอบ"

คำแนะนำ    ให้คุณไปร้องทุกข์(แจ้งความ)ที่โรงพัก เบื้องต้นตำรวจก็ต้องแจ้งข้อหาคนขับรถว่า  ขับรถโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นบาดจ็บ.... ถ้าเป็นบาดเจ็บสาหัสย่อมมีโทษทางอาญาด้วย    เมื่อแจ้งความแล้วส่วนมากร้อยเวรมักให้ตกลงเจรจาค่าเสียหายกันเอง  ถ้าตกลงกันได้ก็คงจบ   ถ้าตกลงกันไม่ได้คงต้องฟ้องศาล(ค่อยว่ากันทีหลัง)

เห็นด้วยกับท่านผู้เฒ่า เพราะเมื่อเด็กขึ้นรถเขาแล้วเกิดเหตุขึ้น ประกันภัยพรบ.คุ้มครองบุคคลที่ 3 ย่อมคุ้มครองแล้ว เด็กถือว่าเป็นผู้ประสบภัยที่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือเยียวยาแล้วตามกฎหมาย ดังนั้นคนขับรถจะผิดหรือถูกหรือไม่ขณะนี้ยังไม่เป็นประเด็นสำคัญเพราะยังต้องสืบสวนนสอบสวนกันอีก แต่ที่ต้องทำขณะนี้คือนำใบแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจออกให้กับใบพรบ.ไปให้โรงพยาบาลเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา หากคนขับไม่ยอมให้คุณก็นำแต่ใบแจ้งความไปก็ได้แต่ต้องแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินคดีเพราะได้แจ้งความเอาไว้แล้ว

คุณสามารถดำเนินคดีได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา แต่คุณมีหน้าที่พิสูจน์ว่าคนขับรถเป็นผู้ประมาทจนเป็นเหตุให้เด็กได้รับอันตราย ความหนักเบาแห่งข้อหาก็ขึ้นอยู่กับผลของการกระทำ ส่วนผู้ที่จะดำเนินคดีได้ก็ต้องเป็นบิดาหรือมารดาของเด็กที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย