[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
ช่วยหน่อยครับเอาไปทำรายงาน | |
อยากได้ฎีกา ป.อาญา 141กับ142 แล้วฎีกา ป.วิอาญา 162 อย่างล่ะ10ฎีกา ใครรู้ช่วยผมหน่อยครับขอบคุณมากครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ นักศึกษาปี4 :: วันที่ลงประกาศ 2005-07-04 20:35:58 IP : |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (149495) | |
มาตรา 141 ผู้ใดถอน ทำให้เสียหาย ทำลายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งตราหรือ เครื่องหมายอันเจ้าพนักงานได้ประทับหรือหมายไว้ที่สิ่งใด ๆ ในการปฏิบัติการตาม หน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งนั้น ๆ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 544/05 ในฟ้องกล่าวบรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทำลายตราหลักเขต ป่าสงวน ซึ่งเจ้าพนักงานตรีตราประทับไว้ที่ต้นไม้ส้าน ย่อมไม่มีทางที่จะเข้า ในได้ว่า เป็นตราที่เจ้าพนักงานประทับไว้ในในการปฏิบัติตามหน้าที่ เพื่อเป็น หลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141 ฟ้องอย่านี้ศาลต้องยกฟ้อง 17/06 เจ้าพนักงานที่ดินผู้ไปทำแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาลในคดีแพ่ง ไม่ ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา1 และ 67แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพราะ มิได้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นแต่ศาลขอร้องในฐานผู้ชำนาญ หรือมีความรู้ในทางนี้ ทั้งไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อ เป็นหลักฐานในการยึด อายัดหรือรักษาสิ่งใด ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141 ด้วย ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินไปทำแผนที่พิพาทตามคำสั่ง ศาลและปักหลักเครื่องหมายเขตที่ดินไว้ จำเลยถอนจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง มาตรา 142 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใด ๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือ สั่งให้ส่ง เพื่อเป็นพยานหลักฐานหรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่า เจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์ หรือเอกสารนั้นไว้เองหรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษา ไว้ก็ตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 1528/03 ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัดตามกฎหมายลักษณะ อาญา ร.ศ.127 มาตรา 290 นั้น หาได้ถูกประมวลกฎหมายอาญายกเลิก ไปโดยสิ้นเชิงไม่ แม้ความผิดฐานลักทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดจะไม่มี บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่การเอาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดรักษาไว้ ไปโดยทุจริต ก็คงยังเป็นความผิดตามมาตรา 142 ประมวลกฎหมายอาญาอยู่ 665/17 ฮ.ใช้ปืนยิง ป. และ ว. ตาย จ่าสิบตำรวจ ส. ได้รับ แจ้งความแล้วไปยังที่เกิดเหตุในระหว่างทางพบจำเลยที่ 1 และ 2 และ ฮ. จึงถามจำเลยที่ 1 ว่าปืนที่ ฮ.ใช้ยิง ป. และ ว. นั้นอยู่กับใคร จำเลยที่ 1 ว่าอยู่กับ จำเลยที่ 3 จ่าสิบตำรวจ ส. บอกจำเลยที่ 1 ให้เก็บปืนไว้ด้วย เมื่อจ่าสิบตำรวจ ส. มอบตัว ฮ. ที่สถานีตำรวจแล้วกลับไปที่เกิดเหตุเพื่อ ยึดปืนของกลาง จ่าสิบตำรวจ ส. ถามจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ว่าเมื่อได้ รับปืนจากจำเลยที่ 2 แล้วได้เอาไปวางไว้ที่กล่องเบียร์แล้วหายไป จ่าสิบ ตำรวจ ส. จึงไม่ได้ปืนนั้นมาเป็นของกลาง ดังนี้บุตรของ ป. กับ ว. และ มารดาของ ว. ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142 3854/25 สถานีรถไฟปาดังเบซาร์อยู่ในประเทศมาเลเซียห่างเขตแดน ประเทศไทย 500 เมตร ภายในสถานีมีด่านศุลกากรของไทยและมาเลเซีย เมื่อเวลา 8 นาฬิกานายตรวจศุลกากรประจำด่านของไทยยึดเห็ดหอมไม่ ปรากฏเจ้าของมาจากที่ทำงานพนักงานตรวจรถไฟ ซึ่งอยู่ติดสถานีเพื่อเก็บใน ด่านศุลกากร ขณะรอคนเปิดประตูห้อง จำเลยเข้ามาแสดงตัวเป็นเจ้าของ ขอคืน แล้วเกิดทำร้ายกันขึ้น เมื่อเป็นความผิดตามกฎหมายภาษีศุลกากรกับ ความผิดซึ่งเกี่ยวเนื่องกันคือต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และเอาของกลางไป ดังนี้ ศาลไทยมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ จำเลยนำเห็ดหอมไปวาง ณ ที่ทำการพนักงานตรวจรถไฟ ยังไม่เป็น ความผิดฐานนำสินค้าต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ. ศุลกากรฯ ม.27 แม้เพียงขั้นพยายามกระทำผิด และเมื่อไปนำกลับคืนมา จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. ม.142 2145/31 จำเลยจูงรถจักรยานยนต์ของบุคคลอื่นซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยึดไว้ไปจากที่จอดรถหน้าสถานีตำรวจ โดยไม่มีเหตุที่จะทำให้สำคัญผิดได้ว่า รถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของจำเลย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปทันขณะ จำเลยกำลังจูงรถจักรยานยนต์อยู่ จำเลยก็ไม่ได้โต้เถียงว่าเป็นรถของ จำเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบอนุญาตขับขี่และสำเนาทะเบียนรถจำเลยก็ ไม่มีแสดง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปโดย เจตนาทุจริต
มาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความ ลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ (1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำ ต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ (2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง (3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น หรือ (4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท 70-71/42 ป่าไม้เขตให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นเจ้าหน้าที่เลือก ไม้ที่ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจประเภทไม้แก่จัด มีขนาดโตเกินขนาด จำกัดมากและอยู่ในวัยเสื่อมหรือยอดไม่สมบูรณ์และให้ตีราคาคัดเลือก อนุญาตให้ตัดไม้ฟันไม้เพื่อบำรุงป่า หรือ บร. กับทำบัญชีคัดเลือกไม้ เสนอผู้บังคับบัญชา แล้วป่าไม้เขตจะได้ประมูลหาผู้รับจ้างตัดโค่นและ ซื้อไม้ดังกล่าว โดยแต่งตั้งให้จำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 และที่ 11 ถึงที่ 15 ไปทำการตรวจวัดตีตรารัฐบาลขาย หรือ รข. เป็นการอนุญาตให้ชัก ลากไม้ได้ โดยจำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 และที่ 11 ถึง 15 จะต้องตีตราเฉพาะ ไม้ที่มีตรา บร. เท่านั้น และจะต้องตรวจดูว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ตีตรา ต้นไม้ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องจะตีตรา รข. ไม่ได้ และจะต้อง รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แต่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กลับตีตราไม้ที่ดี มีค่าทางเศรษฐกิจเป็นการขัดคำสั่ง ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบ หมาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกิดความเสียหายแก่กรมป่าไม้ และรัฐเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ทำบัญชีสำรวจคัดเลือกตีตราไม้เสนอผู้บังคับบัญชา ซึ่งไม่เป็นความจริง จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารดังกล่าว จึงมีความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าได้กระทำการตามที่ระบุใน เอกสารขึ้นอันเป็นความเท็จตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) จำเลยที่ 16 ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด เมื่อจำเลยที่ 17 เป็นกรรมการ ได้ทำสัญญาตัดฟันไม้และซื้อไม้เหล่านั้นจากกรมป่าไม้ โดยจำเลยที่ 16 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ดำเนินการตัดฟันไม้แทน และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 และที่ 11 ถึงที่ 15 ได้ตีตราไม้ที่ยังไม่ตีตรา บร. แสดงว่าเป็น ไม้ที่ยังไม่ได้รับการคัดเลือกจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบเกิดความเสียหายแก่กรมป่าไม้และรัฐตาม ป.อ. มาตรา 157 และการที่จำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 และที่ 11 ถึงที่ 15 เป็น เจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารได้ทำบัญชีรับรองเป็นหลักฐานว่าตน ได้ตีตรา รข. บนไม้ที่มีการคัดเลือกแล้วทุกต้น อันเป็นความเท็จ จำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 และที่ 11 ถึงที่ 15 จึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) ด้วย ขณะที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ตีตรา บร. คัดเลือกไม้ที่จะทำการโค่น จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ประมูลโค่นต้นไม้และซื้อ ไม้ได้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 16 และที่ 17 เป็นผู้สนับสนุนการ กระทำผิดของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 และจำเลยที่ 1 ที่ 16 และที่ 17 ตัดโค่นไม้ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ตีตราไว้ตามสัญญาจ้างตัดโค่นและขาย ไม้ที่ทำไว้ จำเลยที่ 1 ที่ 16 และที่ 17 จึงไม่เป็นผู้สนับสนุนการกระ ทำผิดของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 และที่ 11 ถึงที่ 15 อย่างไรก็ดีปรากฏ ว่าไม้ที่ตัดโค่นบางส่วนไม่มีตราของราชการใดๆ เลยจำเลยที่ 1 ที่ 16 และที่ 17 จึงมีความผิดฐานร่วมกันทำไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป ไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ 2205/32 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และจำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานได้รับ แต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างบ้านพักครู 1 หลัง มีหน้าที่ ตรวจและควบคุมการจ้างให้ดำเนินไปตามข้อกำหนดในสัญญา แบบแปลนและ แผนผัง เมื่อตรวจเห็นเป็นการถูกต้องแล้วให้รับมอบงานแล้วรายงานต่อผู้มี อำนาจสั่งจ้างทราบพร้อมด้วยหลักฐาน การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และจำเลย ที่ 6 ได้ทำหลักฐานใบตรวจรับงานจ้างเหมาแจ้งว่าจำเลยที่ 7 ได้ก่อสร้าง บ้านพักครูแล้วเสร็จตามสัญญาจ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นความเท็จโดยงานยังไม่แล้ว เสร็จเป็นการรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความ จริงอันเป็นเท็จเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 162 (4) และเป็นเหตุให้มี การเบิกจ่ายเงินค่าจ้างเหมาก่อสร้างให้จำเลยที่ 7 รับไป จึงเป็นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้รับความเสียหายมี ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 ด้วย 4392-4393/31 จำเลยที่ 1 เป็นที่ดินอำเภอได้รับแต่งตั้งให้เป็น กรรมการตรวจสอบไม้ในที่ดิน น.ส.3 มีหน้าที่ออกไปตรวจสอบว่ามีไม้ขึ้นอยู่ ในที่ดินแปลงที่ขออนุญาตทำไม้หรือไม่ แต่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ออกไปตรวจสอบ อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อ รับรองในบันทึกการตรวจสอบไม้ว่า เห็นสมควรให้ทำไม้ยางออกจากที่ดิน น.ส.3 ได้ เป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้ออกไปตรวจสอบไม้ดังกล่าว อันเป็นความเท็จ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,162 (1) ซึ่งเป็นการกระทำต่อเนื่องกันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยมีเจตนา เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับ ตนเองหรือผู้อื่นในคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมาย หลายบท ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบทที่มี โทษหนักที่สุด 5581/30 จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกำนันและนายทะเบียนตำบลรู้ว่า ห.ซึ่ง เป็นลูกบ้านของตนอยู่บ้านเลขที่ 249 มิใช่บ้านเลขที่ 363 เมื่อจำเลยที่ 1 มาแจ้งขอย้ายชื่อ ห.จากทะเบียนบ้านเลขที่ 159 ไปอยู่บ้านเลขที่ 363 จำเลยที่ 3 ย่อมรู้ได้ทันทีว่าข้อความในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17เป็นเท็จ จำเลยที่ 3 ลงชื่อในฐานะนายทะเบียนตำบลในเอกสารดังกล่าวจึงเป็นการ ลงชื่อรับรองหลักฐานเป็นเท็จจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 แจ้งย้ายที่อยู่ของ ห.ซึ่งจำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และยังรับแจ้งในฐานะนายทะเบียนตำบลเป็นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 162(1),157 ในฟ้องเดียวกันโจทก์อาจบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลย ทั้งสามกรอกข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 และ บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ ทำเอกสารกรอกข้อความในเอกสารและร่วมกันปลอมลายมือชื่อ ห.โดย อาศัยโอกาสที่จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชนซึ่งเป็น ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ 473/26 จำเลยเป็นตำรวจประจำที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองมีหน้าที่ เขียนประจำวัน มิได้มีหน้าที่เกี่ยวกับหนังสือเดินทางของคนต่างด้าวเข้าเมือง แต่อย่างใด แม้จำเลยจะจดข้อความเกี่ยวกับการที่คนต่างด้าวถูกจับ และผล คำพิพากษาในหนังสือเดินทาง ก็กระทำเป็นส่วนตัวของจำเลยเองโดยไม่มี หน้าที่ จึงไม่ใช่กระทำการในการปฏิบัติการตามหน้าที่อันจะเป็นความผิดตาม ป.อ.ม.162 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ปมุข 0-1820-2236 วันที่ตอบ 2005-07-05 06:56:50 IP : |
ความคิดเห็นที่ 2 (150760) | |
เรียนท่านผู้ที่รู้ ช่วยด้วยครับเอาไปทำรายงาน อยากได้ฎีกา ประมวลกฎหมายอาญา 326-333 อย่างละ1 ฎีกา ขอบพระคุณมากครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นักศึกษาสวนดุสิต วันที่ตอบ 2005-07-06 11:11:41 IP : |
ความคิดเห็นที่ 3 (151211) | |
ขอบคุณมากน่าครับสำหรับผู้ที่โพสให้ข้อมูลขอบคุณมากครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นักศึกษาปี4 วันที่ตอบ 2005-07-06 17:23:16 IP : |
ความคิดเห็นที่ 4 (2945465) | |
ขอตัวอย่างมาตราที่141หน่อยค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อ้อม (aomza_hypwes-at-hoymail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-12-02 20:20:51 IP : 117.47.133.62 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3167432) | |
ถูกกล่าวหาในกฎหมายอาญามาตรา162 โดยไม่ได้กระทำความผิดและมีส่วนรู้เ็ห็นด้วย ดังนั้นจึงอยากทราบข้อกฎหมายมาตรา162 และจะแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างไร เรียนผู้รู้โปรดตอบด้วย ขอบคุณมาก | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้น้อย วันที่ตอบ 2010-04-03 12:09:08 IP : 58.9.206.54 |
ความคิดเห็นที่ 6 (3212229) | |
ขอทราบกรณี 1. จนท.จับกุมไม้สักท่อน บริเวณบ้านของนาย ก.ซึ่งนาย ก.ปฎิเสธ(เป็นคนที่เข้ารับการรักษา ร.พ.ประสาทอยู่) จะมีความผิดหรือไม่ ผิดโทษสุงสุดเท่าไร 2. จนท.ตรวจยึดเครื่องเรี่อยยนต์ ในพื่นที่ของตนเอง จะมีความผิดหรือไม่ โทษสุงสุดเท่าไร | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อนันต์ แก้วทิตย์ วันที่ตอบ 2010-09-17 13:38:21 IP : 118.172.101.192 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1087673 |