ถูกแอบอ้าง

  ผู้กระทำความผิด จะมีความผิด ตาม ปอ. ม.188(เอาเอกสารไป) มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาท..และมีความผิด ฐานลักทรัพย์ในเคหสถาน ตาม ปอ. ม. 335(8) มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับสองหมื่นบาทถีงหนึ่งแสนบาท..และคงมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ตาม ปอ. ม.264 จำคุก สามปี ปรับ หกหมื่นบาท....ถ้าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท  ให้ใช้บทหนักที่สุดลงโทษ ตาม ปอ. ม.90... แต่ถ้าทำต่างกรรมต่างวาระกัน  จะต้องถูกลงโทษทุกกระทงความผิด ตาม ปอ. ม.  91..จะเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม เป็นข้อเท็จจริง จากการสอบสวนของตำรวจ ประกอบความเห็นของอัยการ ในการสั่งฟ้อง...ก็ไม่ต้องไปกังวลวว่า ผู้ต้องหา จะถูกลงโทษอย่างไร  เพียงแจ้งข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ตำรวจสามารถตั้งข้อกล่าวหาได้เอง...ถ้าผู้กระทำความผิด ยอมจ่ายเงินค่าชดใช้ให้ ควรยอมรับเงินไว้  ส่วนเรื่องคดี ก็ให้ตำรวจดำเนินการต่อไป...บางที ผู้เสียหาย ถือทิฐิ ไม่ยอมรับเงิน   ถือว่า ฉลาดน้อยเกินไป..

 มีต่อค่ะ  น.ส ก ปฏิเสธ และบอกกำตำรวจว่ากระทำโดยเราสั่งจึงทำ

แต่เรามีหลักฐานเป็นไลน์คุยกันที่เค้ายอมรับว่าเป็นคนขโมยและแอบอ้างชื่อบริษัทเราให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อและกระทำความผิดจริงในไลน์ เราสามารถใช้เป็นหลักฐานเอาผิดได้ใหมค่ะเค้าไปให้การกับตำรวจว่าเราเป็นคนสั่งการให้ทำแต่ในความเป็นจริง เราไม่รู้เรื่องในการกระทำของเค้าเลยค่ะ **** คนที่ขโมยเอกสารไปให้เป็นพนักงานบริษัท ทำงานในส่วนเอกสารในอออฟฟิต. คนที่เอาไปใช้เป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำงานนอกออฟฟิตไม่เคยให้มายุ่งในออฟฟิตมีงานก้อให้ทำวิ่งนอกออฟฟิตแต่สองคนนี้สนิทกัน แต่หล่งจากที่เรารู้เรื่อง คือผ่านมา 7-8เดือนเราก็ได้ไล่ออกไม่ให้ทำงานต่อทั้งคู่ค่ะ

 เค้าให้การกับตำรวจ ทั้งคู่ค่ะ ว่าเป็นพนักงานเรา ทำเพราะเราสั่ง เค้าก็ยอมรับกับตำรวจว่าเป็นคนเดินเอกสารจริงทำจริงแต่ทำเพราะเราสั่งทำตามคำสั่งเรา ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการค่ะ

 น.ส ข ที่ขโมยเอกสารไปให้น.สก ก็บอกกับตำรวจว่สเอาไปให้จริงแต่ไม่รู้ว่าน.สก.จะเอาไปทำอะไร ที่เอาไปให้ก็ทำตามคำสั่งเราเช่นกันแต่ในความเป็นจริงไม่มีการสั่งใดๆจากเรา 

ช่วงเกิดเรื่อง เรามีพนักงานทำเอกสารตอนนั้น2คน และพนักงานเดินเอกสารชั่วคราว ฟรีแลนท์ 1คนเดินเอกวารนอกออฟฟิต ถ้ามีการออกเอกสาร พนักงานทำเอกสารทั้งสองจะรู้ว่าวันนี้มีงานอะไรต้องออกบ้างแต่ในวันเกิดเหตุ พนักงานออฟฟิตอีกคนไม่รู้เรื่องเลย เค้าจะเอามาอ้างแก้ต่างได้ใหมค่ะ