ReadyPlanet.com


พอจะหาทางสู้คดีทางไหนได้บ้าง สิ้นหนทางจังตอนนี้


 สวัสดีจ้า คือตอนนี้แม่เป็นจำเลยคดีกู้เงิน

 
1.)ได้ทำการจำนองบ้านที่กรมที่ดินกับโจทย์นางA(มีหลักฐานจำนองชัดเจน ซึ่งอันนี้ยอมรับไม่ปฎิเสธ) 
 
2.)(อันนี้ที่เป็นประเด็นจ้า)..อยู่ๆมาวันนึงโจทย์นางBยื่นฟ้องศาล"โดยฟ้องคดีแพ่ง" ให้บังคับคดีนำบ้านออกขาย โดยมีหลักฐานเอกสารเงินกู้จำนวน200,00฿คิดดอก9ปีรวมค่าทนายต่างๆ รวม470,000฿ 
 
โดยมีหลักฐานฟ้องศาล 
2.1)เป็นสัญญาเงินกู้2แสน ในเนื้อความที่ฟ้องทำโดยมีพยาน เป็นนายทหารยศ น.อ. เป็นผู้เขียน และได้ระบุว่าจ่ายเงิน ณ วันทำสัญญาโดยเป็นเงินสดครบถ้วน 
2.2)สำเนาถ่ายเอกสารที่ดินที่ ตจว. และ สำเนาถ่ายเอกสารบ้านที่จำนองไว้ที่กรมที่ดิน โจทย์อ้างว่า สำเนา2ฉบับนี้แม่ให้ไว้เพื่อเป็นหลักประกันกู้ยืมเงิน (มันคือสำเนา)
 
เนื้อหาสำคัญ ความเป็นจริงจากแม่ กับโจทย์นางB
1)แม่ได้กู้เงินจริง ครั้งแรก10,000฿ ทำสัญญาฉบับเดียว แม่เขียนเองทั้งจำนวนตัวเลข ตัวหนังสือ ทำสัญญากัน2คนเท่านั้น นางB แม่
2)ครั้งที่สอง กู้เงินโดยนำพระพุทธรูปจำนำ3,500฿ (อันนี้จำไม่ได้ว่าเซ็นลอยไว้รึเปล่า) สัญญาฉบับเดียวโจทย์เป็นผู้ถือ ทำสัญญากัน2คนเท่านั้น นางB แม่
 
***เนื้อหาฟ้องศาลเงินกู้200,000฿ไม่เป็นความจริง และไม่ได้มีพยานขณะทำสัญญาฉะบับนี้ และแม่ไม่เคยเห็นหน้า หรือรู้จักกับพยาน ที่ได้ทำเอกสารฟ้องศาลนี้ด้วย***
 
(((สถานะของคดีความ)))
นางBยื่นฟ้องกลางปี57 หมายศาลส่งไปตามสำเนาของแม่ ตจว. มารู้ข่าวก็ช้าไปแล้ว เลยผิดนัดศาล แต่ไปขอพิจารณาคดีใหม่ศาลไม่อนุญาติ ศาลชั้นต้นให้บังคับคดีขายทอดตลาด ณ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนเคาะราคาครั้งที่5 
 
คำถามคือ : สามารถฟ้องอาญานางB ได้มั้ย เพราะเรื่องต่างๆไม่เป็นความจริง (หลักฐานเท่าที่มีก็ คลิปเสียงขณะสนทนาทางโทรศัพท์ถ่ายภาพหน้าจอ เห็นเบอร์นางB และเสียงขณะสนทนา โดยใจความสำคัญนางB บอกว่า
1)แม่มากู้เงินหลายครั้งจนครบ200,000฿ 
2)แต่ในสำนวนฟ้องศาลบอกว่า รับเงิน200,000฿บาทในวันทำสัญญาครบถ้วน
3)หลักฐานการทำสัญญาเงินกู้ และจำนองบ้านกับ นางA ทำในเดือนมกราคม2549 มีสัญญาชัดเจนในการยึดเก็บโฉนดไว้ที่นางA ก่อนที่จะไปทำจำนองที่กรมที่ดินเดือน เมษายน2549 (แต่ นางB ได้ทำเรื่องยื่นฟ้องศาล ว่าทำสัญญาเงินกู้ เดือน มีนาคม2549 ก่อนนางAโจทย์ เพื่อที่จะได้เป็นเจ้าหนี้ได้รับเงินคนแรก โดยนางBคงไปคัดสำเนากรมที่ดินและดูวันที่จำนองจริง) แต่หารู้ไม่ว่าแม่และโจทย์นางA ทำกันไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม2549
 
ล่าสุด ณ วันเคาะราคาที่ผ่านมา นางโจทย์B ได้ไปขอเงินส่วนต่างจากการสู้คดีกับ นางAโจทย์ (โดยไม่รู้จักกันมาก่อน) และมีการถกเถียงกันเพราะนางAเป็นหนี้ตามบุริมสิทธ์ อยู่ดีๆจะมาขอเงินจำนวนหลายหมื่นได้ไง และยังบอกว่าตนเอง(นางB)ได้เป็นคนทำสัญญาก่อนมีสิทธิ์ในเงินส่วนนี้ก่อน โดยมีลูกสาวนางBเข้ามาห้ามไกล่เกลี่ย และลูกได้ขอโทษนางA 
 
Ans. สามารถฟ้องอาญานางB ได้มั้ย คือตัวเงินแม่ไม่ได้เอามาจริงๆ ถ้ามีเอกสารจากการจำนอง จำนำ ต่างๆก็ยอมรับจ้า แต่นี้คือ เค้ายึดทั้งบ้าน กับเงินที่เอามาแค่ 13,500฿ เท่านั้นเอง ต้องเสียบ้าน สามารถเรียกร้องสู้คดีอย่างไรได้บ้างจ๊ะ (ลองค้นประวัติโจทย์นางB ดูปล่อยเงินกู้ ฟ้องร้องคนตาดำๆเป็นว่าเล่นจ้า) ขอบคุณจ้า^^


ผู้ตั้งกระทู้ เหม่อลอยคอยยาลม :: วันที่ลงประกาศ 2017-01-27 08:31:35 IP : 49.230.223.57


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4124191)

 การกู้ยืมเงิน

  ถ้าผู้กู้ลงลายมือชื่อในสัญญา   ไม่จำเป็นต้องมีพยานก็ใช้บังคับได้ ดังนั้นพยานจะเป็นใครจึงไม่สำคัญ... และมีข้อเท็จจริงว่า แม่เคยทำสัญญากู้ยืมเงิน ที่่อาจมีการลงลายมือชื่อไว้  ถ้าเป็นจริง เจ้าหนี้ ก็คงไปเติมข้อความว่า แม้กู้เงิน สองแสนบาท   แม้จะไม่เป็นความจริง  ก็คงจะพิสูจน์ได้ลำบาก เพราะแม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเสียเอง ที่่ไปลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่า....ในชั้นบังคับคดี เมื่อขายทอดตลาด เมื่อมีเจ้าหนี้สองราย  เจ้าหนี้อีกราย ก็สามารถขอเฉลี่ยในการใช้หนี้ ในหนี้ส่วนของตนได้ โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกับเจ้าหนี้อีกรายมาก่อน เป็นการขอเฉลี่ย โดยอำนาจของกฎหมาย....ข้อเท็จจริงต่างๆที่เล่ามา  ต้องโต้แย้งแต่แรก  การจะมารื้อฟื้นในภายหลัง  คงทำได้ลำบาก ด้วยความปรารถนาดี ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2017-01-28 07:06:23 IP : 101.51.173.123


ความคิดเห็นที่ 2 (4124192)

 การกู้ยืมเงิน

  ถ้าผู้กู้ลงลายมือชื่อในสัญญา   ไม่จำเป็นต้องมีพยานก็ใช้บังคับได้ ดังนั้นพยานจะเป็นใครจึงไม่สำคัญ... และมีข้อเท็จจริงว่า แม่เคยทำสัญญากู้ยืมเงิน ที่่อาจมีการลงลายมือชื่อไว้  ถ้าเป็นจริง เจ้าหนี้ ก็คงไปเติมข้อความว่า แม้กู้เงิน สองแสนบาท   แม้จะไม่เป็นความจริง  ก็คงจะพิสูจน์ได้ลำบาก เพราะแม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเสียเอง ที่่ไปลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่า....ในชั้นบังคับคดี เมื่อขายทอดตลาด เมื่อมีเจ้าหนี้สองราย  เจ้าหนี้อีกราย ก็สามารถขอเฉลี่ยในการใช้หนี้ ในหนี้ส่วนของตนได้ โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกับเจ้าหนี้อีกรายมาก่อน เป็นการขอเฉลี่ย โดยอำนาจของกฎหมาย....ข้อเท็จจริงต่างๆที่เล่ามา  ต้องโต้แย้งแต่แรก  การจะมารื้อฟื้นในภายหลัง  คงทำได้ลำบาก ด้วยความปรารถนาดี ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น มโนธรรม วันที่ตอบ 2017-01-28 07:07:15 IP : 101.51.173.123



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.