อุบัติเหตุ

            ตามข้อเท็จจริงที่บอกมา   คุณแม่อยู่ในฐานะเสียเปรียบ  เพราะกลับรถ  เข้าไปช่องทางวิ่งของผู้อื่น  ตำรวจจึงสรุปว่า คุณแม่เป็นฝ่ายประมาท   แต่ถ้ามีหลักฐานยืนยันว่า คุณแม่เข้ามาช่องทางจนรถอยู่ในช่องทางตามปรกติ  เมื่อถูกชนท้าย   ผู้ขับรถชนท้ายก็เข้าข่ายประมาท  จนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้  ซึ่งมีโทษ  ตาม ปอ. ม.291  คือจำคุกไม่เกิน 10 ปี  ปเกินสองหมื่นบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วย....การเมาแล้วขับ ก็มีส่วนในการประมาทด้วย  ตำรวจบอกว่านละเรื่อง คงไม่ใช่  ขอแนะนำให้ร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ  หรือศูนย์ดำรงธรรม ในจังหวัด ครับ

 ขอบคุณมากค่ะ

*เพิ่มเติมนะคะ แต่ตำรวจบันทึกในสำนวนสรุป ใช้คำว่า แม่หนูประมาทที่ได้ขับรถไปตัดหน้า และไม่ระมัดระวังจนเกิดการเฉี่ยวชนกับคู่กรณีจนคู่กรณีได้รับบาดเจ็บและเสียหาย แต่ตำรวจไม่ใช้คำว่าชนท้าย(บอกว่ามันเป็นคำทางกฏหมาย)

แต่ตามความเป็นจริง คือไม่ได้เกิดการเฉี่ยวชน ระหว่างการเปลี่ยนช่องทาง แต่รถคันหลัง ตามมาชน ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม

มีพยานเห็นเหตุการณ์2คน และคลิปกล้องวงจรปิด ยืนยันว่าตั้งลำตรงไปแล้ว สองอย่างนี้จะหนักแน่นพอที่จะให้ศาลพิจารณาได้หรือเปล่าคะ หรือหนูควรไปขอความช่วยเหลือจากทนายความเพิ่มเติมอย่างจริงจัง

ไม่จริง

    ถ้าบอกว่า  เป็นคำทางกฎหมาย คงบ้าบอคอแตกกันไปใหญ่ไปแล้ว  ชนท้ายก็ชนท้ายซิ  จะมาบิดเบือนว่า ตัดหน้าได้อย่างไร  ก็คงมีเจตนาช่วยเหลือคนผิดอย่างชัดเจน  ถ้าคดีถึงศาลก็นำพยานที่เห็นเหตุการณ์มาเบิกความตามข้อเท็จจริงได้....ก็มีกรณีตัวอย่างที่เป็นข่าวครึกโครม  ที่ลูกคนดังไปชนตำรวจ  ก็มีการบิดเบือนสำนวนอย่างหน้าตาเฉยว่า    "เมาหลังขับ"   คงเป็นคดีแรกของโลก ที่บอกว่าเมาหลังขับ  ซึ่งไม่มีผลอะไรเลยทางกฎหมาย    คือหวังจะช่วยคนผิดอย่างน่าเกลียด   สุดท้ายสวรรค์มีตา  เมื่อความจริงปรากฏก็วิ่งกันฝุ่นตลบ  กรณีของคุณแม่ของคุณก็คงเช่นกัน "ไม่มีอะไรใต้ดวงอาทิตย์ ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้" ครับ