[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
สามีและภรรยาน้อย | |
อยากทราบว่าตอนมีกฎหมายที่ใช้คุ้มครองภรรยาหลวงบ้างหรือป่าว กรณีสามีไปมีภรรยาน้อย
ภรรยาหลวงสามารถฟ้องร้องภรรยาน้อยได้ด้วยป่าวค่ะ ช่วยให้รายละเอียดในเรื่องนี้ด้วย
จักขอบพระคุณค่ะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ หญิง :: วันที่ลงประกาศ 2005-10-17 12:45:28 IP : |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (260860) | |
ภรรยาหลวง สามารถฟ้องภรรยา น้อยได้ ในฐานะละเมิด สิทธิครับ หาก ภรรยาน้อย รู้อยู่แล้วว่า ฝ่ายชาย มีภรรยา แล้ว ยังมายุ่งเกี่ยว เป็นการเรียกค่าสินไหมทดแทน ซึ่งจะได้มากหรือน้อย เท่าใด นั้น ขึ้นอยู่กับศาล จะเห็นสมควรครับ มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้ (1) สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาหรือภริยามีชู้อีกฝ่ายหนึ่งฟ้อง หย่าได้............." มาตรา 1523 เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1) ภริยา หรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทน จากสามีหรือภริยาและจากหญิงอื่นหรือชู้ แล้วแต่กรณี สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้และภริยาจะ เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผย เพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์ กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้ ถ้าสามีหรือภริยายินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตามมาตรา 1516(1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง สามีหรือภริยานั้นจะเรียกค่าทดแทน ไม่ได้
1620/2538 โจทก์ นางพ.ก. จำเลย หม่อมราชวงศ์ ว.ก. กับพวก แพ่ง เหตุฟ้องหย่า อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา ค่าทดแทน จากหญิงอื่นที่มีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว อายุความ (มาตรา 1516 (1),1523 วรรคสอง,1529 วรรคแรก) วิธีพิจารณาความแพ่ง บรรยายฟ้อง (มาตรา 172 วรรคสอง) โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 มีบุตรด้วยกัน 2 คน ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเลยที่ 1 ได้อุปการะเลี้ยงดูยก ย่องจำเลยที่ 2 ฉันสามีภริยาและทิ้งร้างโจทก์ไปเกิน 1 ปี อีกทั้งยังไม่ให้ ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูโจทก์และบุตรอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็น สามีภริยาอย่างร้ายแรงส่วนจำเลยที่ 2 ทราบดีว่าจำเลยที่ 1 มีโจทก์เป็น ภริยาอยู่แล้วยังแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 ใน ทำนองชู้สาว ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากโจทก์ ให้โจทก์เป็นผู้ใช้ อำนาจปกครองบุตรทั้งสองให้จำเลยที่ 1จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์และ บุตรทั้งสองเดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ละทิ้งโจทก์จน กว่าบุตรทั้งสองจะสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีและมีอาชีพเลี้ยงตนเอง ได้ และจนกว่าโจทก์จะทำการสมรสใหม่กับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่า ทดแทนเป็นเงิน 10,000,000 บาท และ 20,000,000 บาทตามลำดับ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์และบุตรทั้ง สองด้วยดีตลอดมา แต่ภายหลังขาดการส่งเสียไปบ้างเพราะจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำงาน ประกอบกับเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทหึงหวงระหว่างโจทก์กับ จำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 ไม่อาจอยู่กินร่วมกับโจทก์ได้อีกต่อไป จึงออก จากบ้านไปอยู่กินร่วมกับจำเลยที่ 2 ฉันสามีภริยาโดยเปิดเผยเป็นเวลา เกินกว่า 1 ปี จำเลยที่ 1 ยินยอมหย่าขาดจากโจทก์และยอมให้โจทก์เป็น ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสอง แต่ค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์และบุตรทั้งสอง ที่โจทก์เรียกร้องมาสูงเกินไปจำเลยที่ 1 มีความสามารถให้ได้เพียงเดือน ละ 3,000 - 5,000 บาท ส่วนค่าทดแทนที่เรียกจากจำเลยทั้งสองเป็น เงิน 30,000,000 บาทนั้น โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกได้ตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(1), 1523 วรรคแรก ประกอบกับมาตรา 1529 เพราะขาดอายุความแล้ว และฟ้องโจทก์ไม่บรรยายรายละเอียด ให้ชัดแจ้งว่าความทุกข์ทรมานทางจิตใจที่โจทก์ได้รับเป็นประการใดเป็น ฟ้องเคลือบคลุม จำเลยทั้งสองไม่อาจยกข้อต่อสู้โจทก์ได้ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกัน ให้โจทก์ เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสอง ให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู โจทก์เดือนละ 2,000 บาท นับแต่เดือนมกราคม 2529 จนถึงวันที่ศาลมี คำสั่งให้หย่าขาดและจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองคนละ 2,500 บาท ต่อเดือน นับแต่เดือนมกราคม 2529 จนกว่าบุตรทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ โดยจ่ายให้บุตรคนโตเพียงวันที่ 28 มิถุนายน 2533 ซึ่งเป็นวันบรรลุนิติ ภาวะกับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์คนละ 150,000 บาท จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นภริยา โดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 มีบุตรด้วยกัน 2 คน เมื่อปี 2518 จำเลยที่ 1 ได้ไปอยู่กินร่วมกับจำเลยที่ 2 ฉันสามีภริยาโดยเปิดเผย คดีมี ปัญหาต้องวินิจฉัยข้อแรกตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า ฟ้องโจทก์ในเรื่องค่า ทดแทนเป็นฟ้องเคลือบคลุมและขาดอายุความหรือไม่ ในปัญหาว่าฟ้อง โจทก์ในเรื่องค่าทดแทนเป็นฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ นั้น จำเลยที่ 2 ฎีกา ว่า ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้เคลือบคลุม ไม่บรรยายให้ได้ความชัดพอสมควรว่า ที่โจทก์เสียหายในเรื่องเกียรติยศ ชื่อเสียง และได้รับความทุกข์ทรมาน ทางจิตใจนั้นคืออะไรและอย่างไรบ้าง ค่าเสียหายแต่ละอย่างที่โจทก์อ้าง เป็นจำนวนอย่างละเท่าใดเห็นว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้แล้วว่า การที่ จำเลยที่ 2 ได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยที่ 2 มีความสัมพันธ์กับจำเลย ที่ 1 ในทางชู้สาวอันถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ประพฤติตนเป็นชู้ของสามีผู้อื่น ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 ได้รับ ความเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะเกี่ยวกับเกียรติยศ ชื่อเสียง และ ความทุกข์ทรมานทางจิตใจ ส่วนความเสียหายแต่ละอย่างเป็นจำนวน เท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้อง โจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่ อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว คำฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึง ไม่เคลือบคลุม ส่วนปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ นั้น เห็นว่าโจทก์ บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลย ที่ 2 ได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวมาตั้งแต่ปี 2518 ตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 2 ได้ กระทำต่อเนื่องกันมายังมิได้หยุดการกระทำ การกระทำละเมิดของจำเลย ที่ 2 ได้เกิดขึ้นและมีอยู่ในขณะฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ปัญหาข้อสุดท้ายมีว่า จำเลยที่ 2 ต้องใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์หรือไม่ คดี นี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่า จำเลยที่ 2 มีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 สามีของโจทก์ในทำนองชู้สาว โดยโจทก์มิได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้จำเลยที่ 1 อุปการะเลี้ยงดูหรือ ยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยา โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลย ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ได้ โดยไม่จำน้องคำนึงว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงหย่ากันเองหรือศาล พิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516(1) ตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคแรกหรือไม่ ส่วน ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าหากศาลจะวินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 ต้องใช้ค่าทดแทน แก่โจทก์ ค่าทดแทนก็ควรเป็นจำนวนน้อยที่สุดเพราะโจทก์มีส่วนผิดอยู่ ด้วยนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทดแทนให้โจทก์เหมาะสมแล้ว ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาตาม ศาลชั้นต้นมานั้น ศาลฎีกา เห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยที่ 2 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น" พิพากษายืน (ประสิทธิ์ แสนศิริ - ชลอ ทองแย้ม - ทวิช กำเนิดเพ็ชร์) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ปมุข 0-1820-2236 วันที่ตอบ 2005-10-17 17:56:40 IP : |
ความคิดเห็นที่ 2 (1483916) | |
ขอรบกวนสอบถาม ทางพี่สาวของดิฉันแต่งงานจดทะเบียนกับสามีมาประมาณ 16 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน แต่สามี ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าครอบครัว คือ 1. ไม่อบรมสั่งสอนบุตรให้เป็นคนดี ให้ท้ายลูกเมื่อยามทำผิด จนปัจจุบันบุตรเป็นคนก้าวร้าว 2. ขายมรดก(ซึ่งเป็นที่ดินตั้งแต่รุ่นบิดา-มารดา) กินไปวันๆ ใช้เงินอย่างไม่เห็นคุณค่า 3. ส่งเสียเงินให้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา มากกว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้พี่สาว(ภรรยาหลวง) เจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจมาตลอดกับการกระทำเช่นนี้ ไม่ทราบว่าพอจะแนะนำได้มั้ยคะ เพราะทางสามีพี่สาวเค้ามีที่ดินมาก (คือยังดีกว่าให้ทางสามีพี่สาวเอาไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่ครอบครัวตัวเองที่มีภรรยากับลูก2คน กลับให้อยู่อย่างลำบาก)
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น nupanda วันที่ตอบ 2008-02-04 18:05:22 IP : 168.120.27.87 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2793237) | |
รบกวนสอบถามหน่อยค่ะคือว่าสามีไปมีเมียน้อย โดยมีการนำเงินไปให้ และลักลอบคบหากัน ขอถามเป็นข้อๆนะคะ 1.เราฟ้องหย่าได้ไหมคะ โดยต้องมีหลักฐานอะไรบ้างคะที่เป็นการยีนยันว่ามีการลับลอบคบชู้ 2.สามีเป็นผู้ใหญ่บ้านจะมีมาตราการอะไรบ้างที่จะทำให้ออกได้ ผิดขนาดไหนถึงเอาออกได้ 3.การฟ้องร้องต้องทำอย่างไรบ้าง เตรียมเอกสารอะไร และให้ไปที่ศาลไหนค่ะ 4.ที่ดินที่เป็นสินสมรสเราสามารถเอามาเป็นของเราคนเดียวได้ไหมเพราะชื่อกรรมสิทธิ์ก็เป็นชื่อของดิฉัน ขอบคุณอย่างสูงค่ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น เจ็บๆๆๆ..ใจ วันที่ตอบ 2008-05-24 23:20:39 IP : 58.147.47.67 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2915521) | |
แล้วในกรณีที่ภรรยาน้อยโดนฝ่ายชายหลอกลวงว่าได้หย่าขาดกับภรรยาหลวงแล้ว แต่เมือภรรยาน้อยตกเป็นของฝ่ายชายไปแล้วโดยมาทราบภายหลัง 2 ปี เมื่อภรรยาหลวงโทรมาบอกว่ายังไม่ได้หย่าขาดจากกันระยะเวลา 2 ปี ที่ภรรยาน้อยอยู่กินกับฝ่ายชายไม่เคยเห็นฝ่ายชายไปหาหรือให้มาหาเนื่องจากฝ่ายชายต้องทำงานย้ายไปหลายที่โดยไม่เคยเห็นภรรยาหลวงมาช่วยเก็บของย้ายหรือมากินเลี้ยงในการเลื่อนตำแหน่งอย่างนี้ภรรยาน้อยจะทำอย่างไร (ต้องเลิกกับฝ่ายชายในขณะที่ฝ่ายชายเป็นมะเร็งตับระยะที่ 4 ใกล้เสียชีวิตในฐานะที่เราไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่าเขายังไม่ได้หย่าขาดจากกันแต่ภรรยาหลวงให้เราเลิกยุ่งแต่ในฐานะที่เราเป็นคนที่เกิดในประเทศไทยเราจะทิ้งคนที่เป็นมะเร็งได้ลงคอไหมค่ะทั้งที่ภรรยาหลวงก็ไม่เคยมองอยู่ดูแลสามีตัวเองเข้าโรงพยาบาล 8 ครั้ง ภรรยาหลวงมาดูแลแค่ครั้งเดียว ภรรยาน้อยอยู่โรงพยาบาล 7 ครั้ง พาไปตรวจร่างกายตามที่หมดนัดทุกครั้ง (คลีนิกนอกเวลาราชการที่ศิริราช) ช่วงที่ฝ่ายชายป่วยภรรยาน้อยไม่เคยได้รับเงินจากฝ่ายชายหรือขอเงินเลยสักบาทเพราะคิดเสมอว่าฝ่ายชายต้องนำเงินไปซื้อยาเทียนเซียนหมดเดือนละเป็นแสนๆ เงินภรรยาน้อยที่มีอยู่ก็เก็บไว้ค่ายา,ค่ากิน ในโรงพยาบาลขณะที่ฝ่ายชายป่วย และค่าเดินทางตลอด ดิฉันคิดว่าดิฉันได้ทำหน้าที่ภรรยาน้อยที่ตอบแทนบุญคุณสามีได้ดีที่สุดค่าจัดงานศพก็เงินที่สามีทิ้งไว้ให้บอกว่าช่วยจัดงานศพให้ด้วยและให้ญาติพี่น้องสามีไปใช้ในยามจำเป็นแต่ภรรยาหลวงมาเก็บซองหมดเลย (สาเหตุที่ฝ่ายชายไปมีภรรยาน้อยก็เราช่วงที่ฝ่ายชายทำคอนโดกำลังจะถูกฟ้องร้องเพราะเงินไม่พอจ่ายให้เขาจึงได้ไปยืมเงินภรรยาหลวงเพื่อตนเองจะได้ไม่ติดคุกและเงินที่ยืมจากภรรยาหลวงก็คือเงินที่ฝ่ายชายฝากเก็บไว้ที่ภรรยาหลวง แต่ภรรยาหลวงไม่ได้ช่วยฝ่ายชาย(สามีตัวเองจะปล่อยให้ติดคุก)แต่ภรรยาหลวงกับนำเงินที่มีไปถอยรถป้ายแดงให้น้อยเขย) หลังจากที่ฝ่ายชายเสียภรรยาหลวงก็ได้เงินไปเป็นสิบๆๆล้าน แล้วยังจะมาฟ้องร้องอะไรจากภรรยาน้อยอีกไม่ทราบดิฉันทราบดีว่าการเป็นภรรยาน้อยไม่ถูกต้องผิดศิลธรรมไม่ดีในสายตาคนอื่นมองเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้น่ารังเกลียดแต่ภรรยาน้อยก็ไม่ได้มีจิดใจที่ไม่ดีทุกคนเสมอไป...การทำหน้าที่ดูแลของดิฉันสิ้นสุดลงแล้วหลังจากนี้ไปสิ่งที่ฉันจะพบเจอก็จะถือว่าเป็นเวรกรรมที่ดิฉันได้ก่อไว้และยอมรับมันแต่คนที่รู้ว่าดิฉันเป็นยังไงก็คนที่เสียไปแล้วขอให้เขาไปสู่สุขติด้วยเถิดค่ะ ดิฉันเพิ่งทำบุญร้อยวันให้เขาไปแต่ภรรยาหลวงซิถ่วงถามแต่สมบัติที่ตนเองจะได้รับจากการตายครั้งนี้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนเหมือนกัน วันที่ตอบ 2008-09-30 13:46:01 IP : 125.27.175.161 |
ความคิดเห็นที่ 5 (2940656) | |
สามีเป็นข้าราชการตำแหน่งนายอำเภอ แต่ยกย่องภรรยาน้อย จะฟ้องให้ออกจากราชการ ก็ไม่มีเงินจะส่งเสียลูกรียน และ ไม่อยากหย่า จะทำอย่างไร | |
ผู้แสดงความคิดเห็น คน วันที่ตอบ 2008-11-22 18:13:48 IP : 117.47.88.30 |
ความคิดเห็นที่ 6 (2983910) | |
ต้องการอย่ากับสามีแต่เขาไม่ยอมทั้งที่เขาเป็นฝ่ายมีใหม่ก่อนถมยังมีลูกอีกหนึ่งคน...พอมีใครให้คำปรึกษาได้บางคะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น จิ๊บค่ะ (sonsawan51-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-03-16 20:58:20 IP : 118.172.97.160 |
ความคิดเห็นที่ 7 (3174038) | |
เพิ่งพบว่าสามี(จดทะเบียนสมรสกันมา11ปี) มีลูกด้วยกันอายุ 7 ขวบไปมีภรรยาน้อยมีลูก 1คนอายุ 1ขวบ แต่เท่าที่สามีและภรรยาน้อยยอมรับว่าคบและมีสัมพันธ์กันมามากกว่า 5 ปีมาแล้วแต่เพิ่มจะมามีลูกกัน ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายจากภรรยาน้อย และต้องการให้ทั้งคู่เลิกกัน และสามีส่งค่าเลี้ยงดูครอบครัวเดือนละ 30,000บาทจนกว่าลูกจะจบปริญญาตรี(สามีไปทพงานอยู่ต่างจังหวัดมา5 ปีจะมาอยู่บ้านประมาณเดือนละ1-2ครั้ง/เดือน และให้ภรรยาน้อยเก็บเงินเดือนทุกเดือน แต่ช่วยค่าใช้จ่ายผ่อนบ้านเดือนละ 8,000บาทเท่านั้น จากค่าใช้จ่ายต่อเดือนละ 40,000บาท) อีกคำถามคือตอนนี้เมื่อรับรู้เรื่องแล้วพยายามคุยบอกทั้งคู่ให้เลิกกัน และให้สามีส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตรอย่างเดียว แต่สามีไม่ยอมขอไปอยู่บ้านภรรยาน้อยและหาลูกเหมือนที่เคยทำมา อย่างนี้เราสามารถใช้คำสั่งศาลให้เลิกกันได้ไหม เช่นเจอลูกได้แต่ไม่นอนค้างคืน หรืออยู่กับภรรยาน้อยโดยไม่มีเราอยู่ด้วย (เพราะลูกเราก็รักพ่อมากด้วย และอยากให้ครอบครัวสมบูรณ์) ทำอย่างไรให้ดูเบาที่สุด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น อร วันที่ตอบ 2010-04-26 16:42:33 IP : 203.150.232.110 |
ความคิดเห็นที่ 8 (3313031) | |
ยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา, ความสัมพันธ์ฉันชู้สาว แม้จะไม่ปรากฏว่าสามี พาจำเลยที่ 2 (เมียน้อย)ออกงานสังคม หรือแนะนำให้บุคคลอื่นรู้จักจำเลยที่ 2 ในฐานะภริยา แต่พฤติการณ์ของสามี ที่อยู่ในบ้านเดียวกับเมียน้อย ในเวลากลางคืนและอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดซึ่งบ้านดังกล่าวอยู่ในแหล่งชุมนุมชน และทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันโดยเปิดเผย ทั้งเมียน้อย เคยขับรถยนต์พาสามี ออกจากบ้านที่อยู่ด้วยกันไปส่งและไปรับสามี หลังจากแวะซื้อผลไม้แล้วสามี จึงเปลี่ยนมาเป็นคนขับแทนการปฏิบัติของสามี ต่อเมียน้อย เช่นนั้นบ่งชี้ถึงการมีความสัมพันธ์กันฉันชู้สาวและมีการเอื้ออาทรดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ถือเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าสามี ยกย่องเมียน้อยฉันภริยาแล้ว
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2013-09-01 17:28:00 IP : 110.169.181.73 |
ความคิดเห็นที่ 9 (3315656) | |
เป็นภรรยาน้อยค่ะ อยู่กินโดยไม่ทราบมาก่อนว่าเค้ามีภรรยาแล้ว ตอนนี้แฟนเสียชีวิตแล้ว เจอภรรยาตอนงานศพ ไม่ทราบว่าภรรยาหลวงจะฟ้องร้องในเรื่องชู้สาวกับเราได้หรือไม่ค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Susie (muuyong19-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2014-01-29 05:54:59 IP : 115.67.231.37 |
ความคิดเห็นที่ 10 (3723667) | |
ขอรบกวนสอบถามค่ะ ดิฉันฟ้องสามีว่า มีชู้และฟ้องชู้ ให้ชดใช้ค่าทดแทน ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการ แต่สงสัยวา่ สามีจะอ้างเหตุทิ่งร้าง เกิน 1 ปี เพื่อมาฟ้องหย่าได้หรือไม่ เพราะดิฉันเป็นคนเก็บ ผ้าออกจากบ้านมา และ ดิฉันไม่อยากหย่า แต่ แค่อยากฟ้องร้อง วินัยสามี กับฟ้องเรียกค่าทดแทน เมียน้อย. ดิฉันสามารถยื้อเวลา ได้นาน ที่สุด เท่าไหร่ค่ะ ขอบคุณค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เอ วันที่ตอบ 2014-10-19 22:15:11 IP : 1.46.108.194 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1087772 |