ReadyPlanet.com


ขอคำแนะนำ/ปรึกษา


ดิฉันมีชื่อว่า    นางสาว ดี      เป็นลูกสาวของครอบครัวที่ยึดมั่นในจริยธรรมและศีลธรรม    พ่อแม่อบรมเลี้ยงดูดิฉันให้อยู่ในกรอบ   ในวัยเรียนให้เข้าเรียนในโรงเรียนสตรีล้วน   เลิกเรียนแล้วให้กลับบ้าน   ห้ามไถลไปไหนเป็นอันขาด    ถ้าดิฉันอยากไปเที่ยวข้างนอกบ้างก็ให้ไปกับคนในครอบครัวเท่านั้น    แต่ใครเล่าจะคิดว่าต่อมาดิฉันจะต้องมาพบเจอวิบากกรรมของชีวิตทำให้พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้      แต่ดิฉันพยายามต่อสู้ชีวิต    ต่อสู้กับโรคร้าย      การเห็นคุณค่า         ในตนเอง                    การพยายามทำชีวิตของตัวเองให้ดีไม่เป็นภาระครอบครัวและสังคม ..........ทำทุกๆวันของวันนี้ให้เป็นวันที่ดีที่สุด       ทำให้ดิฉันไม่มีเวลาคิดเรื่องการมีแฟน    การสร้างครอบครัว    เพราะดิฉันมีความคิดว่า   การรู้จักเป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน   รู้จักการดูแลเอาใจใส่    ห่วงใยต่อเพื่อนมนุษยชาติโดยรวม   รักชาติ    รักสิ่งแวดล้อม    รักในการที่จะทำงานเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ  และรักที่จะปฏิบัติกิจกรรมการกุศล    ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต    เป็นสาระสำคัญมากกว่าจึงทำให้ดิฉัน ครั้งแรกที่ดิฉันออกสู่สังคมคนพิการ       ธันวาคม     .....   งานคนพิการสากล   จัดที่ “ องค์การสหประชาชาติ  ”  ถนน  ราชดำเนิน    จังหวัด  กรุงเทพฯ    เวลาประมาณ  ๑๗   นาฬิกา   ขณะนั้นดิฉันกำลังสนทนาอยู่กับ  อดีตปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์   เรื่องแนวทางการแก้ปัญหาคนพิการอยู่     ได้มีชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๔๐ -  ๔๑   ปีใส่ชุดพระราชทาน (เสื้อคอตั้งจีนมีกระเป๋าล่างผ้าเรียบ)เดินขากระเผลก ข้างหนึ่ง เข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆที่ดิฉันนั่งอยู่นั่งฟังดิฉันสนทนา      พอดิฉันสนทนาจบ        ชายคนดังกล่าวก็มาคุยกับดิฉัน             แนะนำตัวเองว่าชื่อ      นาย  วายร้าย  ทำงานรับราชการที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด เป็นผู้ก่อตั้งชมรมคนพิการต่างจังหวัด      พูดจาน้ำเสียงเป็นผู้ใหญ่น่าเชื่อถือ      พอได้จังหวะขอถ่ายภาพดิฉันพร้อมกับขอที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ของดิฉัน     บอกว่าจะส่งภาพถ่ายในงานมาให้ดิฉัน  หลังจาก ๓    ธันวาคม    ...... งานคนพิการสากลผ่านไปไม่นาน     นาย  วายร้าย ก็ส่งแผ่นซีดีภาพบรรยากาศงานคนพิการสากลและภาพดิฉันที่อยู่ในงานคนพิการสากลที่นาย  วายร้าย   ขอถ่ายภาพไปมาให้ดิฉันทางไปรษณีย์    นาย  วายร้ายเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาคุยกับดิฉันจะโทรมาเล่าเรื่องในอดีตที่ก่อตั้งชมรมคนพิการต่างจังหวัด ปรึกษาความเครียดเรื่องงาน  , นาย วายร้าย             ตั้งกระทู้ใหม่ที่เวบต์ คนพิการไทย ”ว่า  วันที่     ธันวาคม  .....      มีกิจกรรมงานวันคนพิการที่ต่างจังหวัดที่นายวายร้ายอยู่        อยากให้ทุกคนไปร่วมงานด้วยโดยเฉพาะคนพิการที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง ( กรุงเทพ ฯ )  ควรจะไปร่วมงานนี้ชมกิจกรรมงานคนพิการที่ต่างจังหวัดว่าจัดกันอย่างไร และเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของคนพิการต่างหวัด     พร้อมกับโทรศัพท์มาชวนให้ดิฉันไปร่วมงานด้วยและจะสอนความรู้คอมพิวเตอร์แปลงไฟล์จากวีดีโอมาเป็นวีซีดีให้        ดิฉันให้นายวายร้ายสอนแปลงไฟล์จากวีดีโอมาเป็นวีซีดีทางโทรศัพท์แต่นายวายร้ายบอกกำลังแรงเครื่องคอมพิวเตอร์ดิฉันต่ำต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของนายวายร้ายซึ่งสูงกว่า   อีกทั้งนาย  วายร้าย  ต้องการยืมรถเข็นอีกคันหนึ่งของดิฉันเพื่อเข็นชมงานกิจกรรมวันงานคนพิการต่างจังหวัดวันที่ ๒ ธันวาคม  ..... ด้วย     ดิฉันคิดว่าดิฉันไม่ได้ไปคนเดียว   อีกทั่งนายวายร้ายเป็นข้าราชการระดับสูง  ไม่คิดว่าจะเกิดอะไรไม่ดีกับตัวเองขึ้น จึงได้ตอบตกลง     ไปกับพี่เลี้ยง   คนขับรถ  และภรรยาคนขับรถ    รวมเป็นคณะเดินทางทั้งหมด ห้าคน 

                    อนึ่งในวันที่       ธันวาคม งานวันคนพิการต่างจังหวัด  เลิกแล้ว   นาย  วายร้าย  เอารถเข็นมาคืนให้ และได้ขับรถรถมอเตอร์ไซต์ดัดแปลงสำหรับคนพิการคันสีแดง   นำทางพาดิฉันและคณะไปที่   “  ชมรมคนพิการต่างจังหวัด..." จะเป็นที่มาของกลลวงของนายวายร้ายกระทำการลวนลามอนาจารและคุกคามทางเพศได้ หลังจากดิฉันเกิดเรื่องไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อ กว่าจะยกจิตใจขึ้นได้หลังจากรู้จักมูลนิธิแห่งหนึ่งพาไปแจ้งความหลังเกิดเรื่องไปแล้วหลายเดือน ตอนนี้กลายเป็นคดีก่อความเดือดร้อนจากนายวายร้ายดิฉันมีหลักฐานเสียงตอนที่ถูกนายวายร้ายลวนลามอนาจารและจม.ที่ให้ดิฉันถอนแจ้งความแต่ตำรวจไม่ยอมให้หลักฐานสองอย่างนี้เข้าสำนวนอ้างว่าไม่เกี่ยวกับคดีนี้
คดีนี้อาจถูกยกฟ้องจากอัยการ ไม่ทราบทำยังไงต่อไปข้อ ๑
ข้อ๒. ตอนนี้นายวายร้ายยังโทรมาแต่ดิฉันไม่รับโทรศัพท์ แต่จะทำยังไงให้นายวายร้ายไม่มาคุกคามดิฉันเด็ดขาด
ข้อ ๓. เคยไปขอคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายแห่งหนึ่งแต่เจ้าหน้าที่แนะนำทำนองว่าให้ดิฉันไม่ควรต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมเรื่องนี้ ซึ่งดิฉันกลับออกมาด้วยความงงว่า เจ้าหน้าที่เรียนรู้กฎหมายกลับไม่รู้จักบังคับใช้กฎหมายให้ดีที่สุด , เจ้าหน้าที่ท่านนั้นคิดว่าเรื่องนี้เป็นคดีลหุโทษจึงไม่สนใจ และหรือ ที่สำคัญคือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเองจึงไม่เห็นความสำคัญที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายทราบดีว่า กฎหมายมีไว้เพื่อความระเบียบเรียบร้อยความสงบสุขของสังคม ไม่มีสิทธิไปละเมิดผู้อื่นโดยที่ผู้อื่นไม่เต็มใจ
ข้อ๔.ช่วยแนะนำวิธีต่อสู้เรื่องนี้เพื่อความถูกต้องชอบธรรม และให้สังคมรับรู้อย่างไรไม่ให้ผู้หญิงอื่นตกเป็นเหยื่อได้อีก จักขอบคุณยิ่งนัก



ผู้ตั้งกระทู้ น.ส.ดี :: วันที่ลงประกาศ 2006-03-18 10:17:02 IP : 202.5.86.241


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (420632)
--เรื่องของคุณถ้าเป็นจริงดังที่เล่ามา..ก็ถือว่าเป็นฝันร้ายเป็นความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง..แต่การที่จำเอาความผิดกับคนชั่ว...ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก....การที่จะหาพยานหลักฐานยืนยันให้ศาลเชื่อถือตามที่คุณกล่าวอ้าง...ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ...ขอแนะนำให้เป็นที่สภาทนายความเขามีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือ.....ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งในวิบากกรรมของคุณครับ...
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2006-03-19 09:22:45 IP : 203.113.16.241



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.