ReadyPlanet.com


พอจะมีหนทางไหนบ้างค่ะ


ดิฉันมีชื่อว่า นางสาว ดี เป็นลูกสาวของครอบครัวที่ยึดมั่นในจริยธรรมและศีลธรรม พ่อแม่อบรมเลี้ยงดูดิฉันให้อยู่ในกรอบ ในวัยเรียนให้เข้าเรียนในโรงเรียนสตรีล้วน เลิกเรียนแล้วให้กลับบ้าน ห้ามไถลไปไหนเป็นอันขาด ถ้าดิฉันอยากไปเที่ยวข้างนอกบ้างก็ให้ไปกับคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ใครเล่าจะคิดว่าต่อมาดิฉันจะต้องมาพบเจอวิบากกรรมของชีวิตทำให้พิการ แต่ดิฉันพยายามต่อสู้ชีวิต ต่อสู้กับโรคร้าย การเห็นคุณค่า ในตนเอง การพยายามทำชีวิตของตัวเองให้ดีไม่เป็นภาระครอบครัวและสังคม ..........ทำทุกๆวันของวันนี้ให้เป็นวันที่ดีที่สุด ทำให้ดิฉันไม่มีเวลาคิดเรื่องการมีแฟน การสร้างครอบครัว เพราะดิฉันมีความคิดว่า การรู้จักเป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน รู้จักการดูแลเอาใจใส่ ห่วงใยต่อเพื่อนมนุษยชาติโดยรวม รักชาติ รักสิ่งแวดล้อม รักในการที่จะทำงานเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ และรักที่จะปฏิบัติกิจกรรมการกุศล ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เป็นสาระสำคัญมากกว่าจึงทำให้ดิฉัน ครั้งแรกที่ดิฉันออกสู่สังคมคนพิการ ได้เจอข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านหนึ่งมารู้จักด้วยหลังจากผ่านงานนี้ไป ข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนี้ก็โทรมาคุยขอความรู้ดิฉันและให้ดิฉันช่วยงานคนพิการเนื่องข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนี้อยู่ต่างจังหวัด ระหว่างที่ดิฉันคุยทางโทรศัพท์ดิฉันคิดเรื่องงานเท่านั้นและไม่คิดว่าการคุยทางโทรศัพท์ไม่ได้พบหน้ากันจะเป็นที่มาของกลลวงของข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนี้ให้ดิฉันไปชมงานคนพิการต่างจังหวัดเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตคนพิการต่างจังหวัดและกระทำการลวนลามอนาจารและคุกคามทางเพศได้ หลังจากดิฉันเกิดเรื่องไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อ กว่าจะยกจิตใจขึ้นได้หลังจากรู้จักมูลนิธิแห่งหนึ่งพาไปแจ้งความหลังเกิดเรื่องไปแล้วหลายเดือน ตอนนี้กลายเป็นคดีก่อความเดือดร้อนจากข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนั้น ข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนั้นปฏิเสธ ดิฉันมีหลักฐานเสียงตอนที่ถูกข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนั้นลวนลามอนาจารและจม.ที่ให้ดิฉันถอนแจ้งความแต่ตำรวจไม่ยอมให้หลักฐานสองอย่างนี้เข้าสำนวนอ้างว่าไม่เกี่ยวกับคดีนี้
คดีนี้อาจถูกยกฟ้องจากอัยการ ไม่ทราบทำยังไงต่อไปข้อ ๑
ข้อ๒. ตอนนี้ข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนี้ยังโทรมาแต่ดิฉันไม่รับโทรศัพท์ แต่จะทำยังไงให้ข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนี้ไม่มาคุกคามดิฉันเด็ดขาด
ข้อ ๓. เคยไปขอคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายแห่งหนึ่งแต่เจ้าหน้าที่แนะนำทำนองว่าให้ดิฉันไม่ควรต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมเรื่องนี้ ซึ่งดิฉันกลับออกมาด้วยความงงว่า เจ้าหน้าที่เรียนรู้กฎหมายกลับไม่รู้จักบังคับใช้กฎหมายให้ดีที่สุด , เจ้าหน้าที่ท่านนั้นคิดว่าเรื่องนี้เป็นคดีลหุโทษจึงไม่สนใจ และหรือ ที่สำคัญคือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเองจึงไม่เห็นความสำคัญที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายทราบดีว่า กฎหมายมีไว้เพื่อความระเบียบเรียบร้อยความสงบสุขของสังคม ไม่มีสิทธิไปละเมิดผู้อื่นโดยที่ผู้อื่นไม่เต็มใจ
ข้อ๔.ช่วยแนะนำวิธีต่อสู้เรื่องนี้เพื่อความถูกต้องชอบธรรม และให้สังคมรับรู้อย่างไรไม่ให้ผู้หญิงอื่นตกเป็นเหยื่อได้อีก จักขอบคุณยิ่งนัก



ผู้ตั้งกระทู้ Phan :: วันที่ลงประกาศ 2006-03-12 08:30:54 IP : 58.147.72.221


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (414130)

พอดีให้รายละเอียดไม่พอ นะครับ ว่า กระทำลามก อนาจาร คืออะไร ทำอย่างาไร เป็นความผิด ตามกฎหมายอะไร มาตรา อะไร เลยจะให้รายละเอียด เกี่ยวกับการกระทำความไม่ได้ มาก

แต่ ในกรณีที่ คุณถูกกระทำความผิด แล้ว ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน ให้ ดำเนินคดีได้ทันที พนักงานสอบสวน ก็จะมีหน้าที่รวบรวม พยานหลักฐานส่ง ให้แก่พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสัง ฟ้อง หรือไม่ฟ้อง หากสั่งฟ้อง ก็จะพาตัวผู้กระทำความผิด ไปพิจารณาคดีที่ศาล ต่อไป

ซึ่ง ในขณะนี้ คุณควรตรวจสอบ กับพนักงานสอบสวน ครับ ว่าคดีของคุณอยู่ในขั้นตอนใด พนักงานสอบสวนได้พิจารณาสั่งคดีแล้ว หรือยัง , การสั่งคดีสั่งว่าอย่างไร และมีการส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการแล้ว หรือยัง ส่งไปเมื่อใด แล้วลองไปติดตามดูที่พนักงานอัยการอีกที

หาก กรณีเป็นว่า พนักงานอัยการจะสั่งไม่ฟ้อง  เพราะ พยานหลักฐานอ่อน หรือไม่พอฟ้อง  คุณก็สามารถทำหนังสือ ร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติม  จากที่เคยส่งให้พนักงานสอบสวน โดยมีหนังสือไปยังพนักงานอัยการ เพื่อขอให้พนักงานช่วย มัคำสั่ง ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม  แล้วส่งไปยังพนักงานอัยการใหม่ (โดยปกติ พนักงานอัยการไม่สามารถทำการสอบสวนพยานหลักฐานเองได้ )

แต่ ไม่ว่า จะเป็นอย่างไรก็ตาม  หากในที่สุดแล้ว พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี คุณ ทำให้คุณเสียหาย และไม่ได้รับความเป็นธรรม คุณสามารถยื่นฟ้องคดีต่อศาลเองได้อยู่แล้ว ครับ เพราะ การดำเนินคดีอาญา ในกรณีที่คุณเป็นผู้เสียหายนั้น สามารถเลือกทำได้ 2 วิธี คือ กรณีแรก ใช้บริการของภาครัฐ คือ ต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน แล้วส่งเรื่องไปพนักงานอัยการ และสั่งฟ้องคดี ไปยังศาล  ซึ่งตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว จะเป็นขั้นตอนที่ล่าช้า และยุ่งยากมากครับ  ซึ่งอีกวิธี หนึ่ง ก็คือ จ้างให้ทนายความยื่นฟ้องคดีต่อศาลเอง ก็ได้ครับ อย่างเช่น คดี หมอวิสุทธิ ที่ฆ่า แพทย์หญิงผัสพร ฯ ซึ่ง เป็นกรณีที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี และในที่สุด บิดาของแพทย์หญิงผัสพร ก็ฟ้องคดีเองต่อศาล และศาลได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิต ครับ

ไม่ทราบว่า เป็นคำตอบที่ต้องการหรือเปล่าครับ

 

 

 

ผมเข้าใจว่า คดีของคุณคงอยู่ในระหว่างขั้นตอน พิจารณาของอัยการ ว่าจะสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้อง

ในกรณีที่ พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง

ผู้แสดงความคิดเห็น ปมุข 0-1820-2236 วันที่ตอบ 2006-03-12 09:24:54 IP : 58.136.10.149


ความคิดเห็นที่ 2 (414131)
วันนี้(17 พ.ย.)นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม อัยการสูงสุดได้เปิดแถลงข่าวกรณี คดีฆ่าแพทย์หญิง ผัสพร บุญเกษมสันติ ซึ่ง ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีคำพิพากษาไปแล้วนั้น ว่าในตอนแรกที่ อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคือ นายแพทย์วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ นั้นเป็นเพราะทางอัยการเห็นว่าพยานหลักฐานต่างๆ ยังไม่เพียงพอ และอีกประเด็นหนึ่งก็คือ ใกล้ครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหา ซึ่งตามกฎหมายแล้วสามารถฝากขังได้ 84 วันพนักงานอัยการจึงสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว
       
       
อย่างไรก็ตามเมื่อ นายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาของผู้ตายได้ตั้งทนายยื่นฟ้องคดีต่อ ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานแวดล้อมต่างๆ เชื่อมโยงกันทำให้น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง ตนจึงได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ดำเนินคดีกับ นายแพทย์วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ทุกข้อกล่าวหาโดยให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา กรุงเทพใต้ 4 เข้าร่วมเป็นโจทก์ที่ 2 อีกทั้งยังสั่งการให้ทางตำรวจตรวจสอบเพิ่มอีก 14 ประเด็น และได้พบว่านายแพทย์วิสุทธิ์ ไ ด้มีการปลอมจดหมายลางานและมีการลงลายมือชื่อปลอม จึงให้เพิ่มข้อหา ปลอมแปลงเอกสาร และ ใช้เอกสารปลอม อีก 2 ข้อหาด้วยรวมเป็น 6 ข้อหา คือ 1 ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2 ซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย 3 หน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 4 ข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย 5ปลอมแปลงเอกสาร และ 6 ใช้เอกสารปลอม
       
       
อัยการสูงสุดยังกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการในคดีนี้ว่าอัยการได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ส่วนในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งทนายหมอวิสุทธิ์ได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้วนั้น ตนเชื่อว่าพยานหลักฐานต่างๆ มีความชัดเจนเพียงพอแล้วซึ่งเป็นเรื่องของศาลอุทธรณ์ว่าจะมีดุลยพินิจอย่างไร

ผู้แสดงความคิดเห็น ปมุข 0-1820-2236 วันที่ตอบ 2006-03-12 09:27:43 IP : 58.136.10.149


ความคิดเห็นที่ 3 (414327)
ขอบคุณคุณประมุขมากมาก นะคะ
ผู้แสดงความคิดเห็น Phan วันที่ตอบ 2006-03-12 14:12:21 IP : 58.147.72.221


ความคิดเห็นที่ 4 (414642)

ขอตอบเพิ่มเติมซักนิดใน ส่วนข้อ ๒. ที่ถามว่า จะทำยังไงให้ข้าราชการชายพิการระดับสูงท่านนี้ไม่มาคุกคามดิฉันเด็ดขาด

ให้คุณรับโทรศัพท์ไปเลย .. แล้วถามว่าจะโทรมาทำอะไร มีปัญหาอะไร หากคุณไม่อยากคุยกับเขาอีก หรือไม่อยากให้เขามาคุกคามคุณอีก .. ก้อบอกเขาไปว่า อย่ามายุ่งกับชีวิตฉํนอีก ไม่อย่างนั้นท่านพิการจะลำบาก ..

แต่ความจริงแล้ว .. การที่คุณไม่รับโทรศัพท์ท่านพิการ .. ก็เป็นการดีนะ .. ทำใจดีๆ .. วันที่เลวร้ายจะเดินผ่านไป จากนั้นคุณจะรู้คุณค่าของวันอื่นๆ ว่ามีความสุขกว่า วันที่เลวร้าย เป็นกอง ..

สู้ สู้ นะ

ผู้แสดงความคิดเห็น nor วันที่ตอบ 2006-03-12 22:38:18 IP : 203.153.172.137



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.