คงจะหมายถึงขั้นตอน สืบเสาะ นะครับ หมายถึงศาลจะสั่งให้ เจ้าพนักงานคุมประพฤติไปสืบเสาะ ข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับจำเลย มา เพื่อประกอบการพิพากษา เช่น การศึกษา ,ความเป็นอยู่ , ครอบครัว ฯลฯ เพื่อจะเปิดโอกาสให้ จำเลยได้กลับตัวเป็นคนดี

การที่จำเลย รับสารภาพ ไปแล้ว ศาลสามารถตัดสินได้เลย โดยไม่ต้องสืบเสาะ ครับ เช่น จำเลย ไปลักทรัพย์มาแล้ว ศาลก็ตัดสินให้ จำคุก ไปก็สามารถทำได้เลย เพียง แต่ ว่า  การสืบเสาะเป็นเครื่องมือของศาลอีกอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ศาลได้รู้จัก ตัวจำเลย หรือผู้ที่จะต้องถูกตัดสิน ว่า เป็นเช่นไร อายุเท่าไหร่ จบการศึกษา มาอย่างไร เคยกระทำความผิดมาหรือไม่  เพื่อศาลจะได้นำข้อมูลเล่านั้นมาประกอบการตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะลงโทษจำเลย แบบไหน  เช่น หากได้ข้อเท็จจริงจาก การสืบเสาะ มา ว่า จำเลยเป็นคนที่มีพฤติกรรม เป็นคนชอบลักทรัพย์เป็นประจำ และ เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้งไม่หลาบจำ ศาลก็อาจจะลงโทษจำคุกจำเลยไปในสถานหนัก ก็ได้ หรือ หากในกรณี ที่จำเลยกระทำความผิดลักทรัพย์ไปด้วยความ จำเป็น เช่น จำเลยเป็นหญิง ถูกสามีทิ้ง ไม่มีรายได้อะไร ต้องเลี้ยงดูบุตร หลายคน แล้วจำเป็นต้องลักทรัพย์ อาหาร ที่เหลือ จากการขายของห้างฯ ไป เพื่อนำไปเลี้ยงลูก อย่างนี้ ศาลอาจจะลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษให้ก็ได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ จำเลยได้กลับตัวเป็นคนดี หรือ อาจจะลงโทษไปโดยการให้จำเลยไปบริการสาธารณะ อะไรแบบนี้นะครับ

กล่าวโดยสรุป  ก็คือ กระบวนการสืบเสาะก็คือ การที่ศาลมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ ไปทำการ แสวงหาข้อเท็จจริงอื่นๆ ของจำเลย เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาตัดสินลงโทษ จำเลย ให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับ ลักษณะแห่งคดี ครับ

ไม่ทราบว่าเป็นคำตอบที่ต้องการหรือเปล่าครับ

ท่าน nor จะช่วยตอบเรื่องนี้อีกทีก็ได้นะครับ

งั้นขออนุญาตแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกนิดนะ ..

ความผิดเกี่ยวกับทรัยพ์ เกือบทุกประเภท เช่น ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ .. ตามหลักการแล้ว ถือเป็นความผิดร้ายแรง โดยเฉพาะหากทรัพย์มีราคาแพงมากๆ .. เช่น ลักไก่ชน ๑ ตัว แต่ไก่ตัวนั้นมีราคาถึง ๒๐,๐๐๐ บาท .. แม้จำเลยจะรับสารภาพ โดยชดใช้หรือคืนค่าทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหายแล้ว .. ศาลก็มักจะลงโทษจำคุกเลย .. เพราะอย่างที่บอกมาว่า ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ มักจะถือว่าผู้ทำผิดมีนิสัยที่ค่อนข้างไม่ดี .. เรียกภาษาชาวบ้านว่า มีเจตนาชั่วร้าย .. แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัวแน่นอน เพราะจำเลยอาจชั่ววูบไป หรืออาจหลงผิดไปครั้งๆ คราวๆ ..

ดังนั้น กฎหมายจึงกำหนดให้ศาลใช้ดุลพินิจอย่างอื่นก่อนที่จะมีคำพิพากษา .. เพื่อให้ศาลเห็นนิสัยแท้จริงของจำเลย ประวัติต่างๆ ทั้งหมดโดยรวมของจำเลย รวมถึงข้อเท็จจริงของคดีทั้งหมด .. ซึ่ง ก็คือ ขั้นตอนการสืบเสาะและพินิจจำเลย ก่อนจะมีคำพิพากษา

ซึ่งปกติจะถือเป็นผลดีกับจำเลยมากกว่าผลร้าย หากจำเลยคนนั้นไม่เคยประวัติไม่ดีอะไรเลย .. แต่อาจเป็นผลร้าย หากจำเลยคนนั้นมีประวัติความผิดโชกโชนนะ ..

หากจำเลยมีประวัติดี .. ศาลก็จะให้โอกาสกลับตัว .. พิพากษาว่มีความผิด แต่ให้รอการลงโทษไว้ก่อน ..

ทางตรงข้ามหากจำเลยประวัติไม่ดี .. ศาลก็จะพิพากษาโดยอาจจำคุกทันที ก็เป็นได้ .. แต่หากประวัติออกมาแบบนี้จริงๆ จำเลยก็มีสิทธิโต้แย้ง รายงานการสืบเสาะฯ ดังกล่าวได้ ว่าไม่เป็นความจริง เลย .. ซึ่งศาลก็จะต้องพิจารณาไปอีกว่า แล้วความจริงประวัติจำเลยเป็นอย่างไรกันแน่ .. โดยอาจเรียกพนักงานคุมประพฤติ ผู้ทำรายงานสืบเสาะฯ มาแถลง ..

ขอแสดงความเห็นเท่านี้นะ

 ดีมากๆสำหรับคนรู้เท่าไม่ถึ่งการ

ขอสอบถามบ้างนะค่ะ พ่อหนูติดคุก 2 ปี 9 เดือน ได้ลดโทษ อภัยโทษแล้วตอนนี้เหลือโทษ 5 เดือน ได้ออกเดือนมิถุนายน แต่มีสำนักคุมประพฤติมาตรวจสอบประวัติพ่อ มาดูที่บ้านว่าเป็นอย่างไง คือมาดูประวัติและครอบครัวนะค่ะ หนูเลยสงสัยว่า ถ้าคุมประพฤติมาสำรวจที่บ้านแล้ว แล้วส่งเอกสารกลับไปให้ศาล พอจะเป็นไปได้ไหมค่ะว่าถ้าศาลพิจารณาให้ปล่อยตัวก่อนกำหนดที่จะพ้นโทษ แต่ต้องไปรายงานตัว พอมีสิทธ์ไหมค่ะ เพราะคนที่รู้จักบ้างคนเขาเหลือโทษตั้งเกือบ 7 เดือนแต่ก็ได้ปล่อยตัวก่อนกำหนดเพราะคุมประพฤติไปสำรวจบ้านจึงพิจารณาให้ปล่อยตัวก่อน ลืมบอก***พ่อหนูติดคดียาเสพติดค่ะ เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ไม่เคยต้องโทษคดีใดๆเลยทั้งชีวิต แต่ที่ทำอย่างนั้นไปเพราะตอนนั้นพ่อตกงาน เลยขับรถแท็กซี่ มีญาติเหมาให้ไปส่ง ต่างจังหวัด ญาติมีญาติเสพติดอยู่ในตัวตำรวจค้นเจอพ่อก็โดนไปด้วย      รบกวนตอบด้วยนะค่ะ

 ขอถามนะคะ นู๋มีตดีลักทรัพย์นายจ้าง เเล้วศาลท่านให้สืบเสาคุมประพฤษแต่นู๋ให้การตามความเป็นจริงซึ่งต่างกับสำนวนที่ทางตำตรวจส่งศาลอย่างนี้จะมีผลต่อคดีและการสืบเสาะไหมคะ