ขอตอบง่ายๆเลยนะครับ /

    ความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการแย่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง

    ความผิดฐานยักยอก  ผู้กระทำความผิดมีสิทธิครอบครอง แต่เบียดบังเป็นของตนเอง ( ดังนั้น ความผิดฐานนี้ แค่เบียดบัง ก็ผิดแล้วครับ จึงไม่มีการพยายาม เป็นความผิดสำเร็จทันที )

*** ขออภัยนะครับ บังเอิญต้องรีบไปทำธุระ กลับมาแล้วจะมาตอบให้ละเอียดเลยครับ ***

ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดว่า ..

มาตรา 334  ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท

(โทษลักทรัพย์จะหนักขึ้น ในบางกรณี เช่น ลักทรัพย์กลางคืน ในเคหสถาน มีอาวุธ ทรัพย์ของนายจ้าง ฯลฯ)

มาตรา 352  ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เมื่ออ่านนิยาม ก้อคงพอจะทราบถึง ความหมายของคำว่า ลักทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ บ้างแล้วนะ ..

ข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ

1 การครอบครองทรัพย์ คือ ลักทรัพย์ ต้องเป็นการเอาของๆ คนอื่นไป "" แต่ยักยอก ... ผู้กระทำผิดจะต้องครอบครองทรัพย์นั้นอยู่ก่อน แล้วจึงค่อยเอาของๆ นั้นไป

2 ลักทรัพย์ เป็นความผิดยอมความไม่ได้ .. แม้เจ้าของทรัพย์ไม่เอาความ ตำรวจก้อต้องทำสำนวนส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลต่อไป แต่ยักยอก เป็นคดีที่ยอมความกันได้ .. หมายถึง หากเจ้าของทรัพย์ไม่เอาความ คดีก้อจะจบกันไปได้ในชั้นตำรวจ ไม่ต้องขึ้นศาล  หรือหากขึ้นศาลแล้ว ก้อถอนคำร้องทุกข์ ศาลก้อจะจำหน่ายคดีออกไปจากศาล

ลักทรัพย์
1. ทรัพย์ที่ถูกลักต้องอยู่ในความครอบครอง ของผู้อื่นในขณะเอาไป
2. ผู้กระทำมีเจตนาทุจริตก่อนเอาทรัพย์ไป จากความครอบครองของผู้อื่น
3. เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน
4. กรณีของตกหายโดยเจ้าของยังไม่สละการ ครอบครอง ถ้าเอาไปโดยรู้หรือมีเหตุอัน ควรรู้ว่าเจ้าของยังติดตามอยู่ เป็นลักทรัพย์

ยักยอกทรัพย์
1. ทรัพย์ต้องอยู่ในความครอบครอง ของผู้ยักยอกแล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเสีย
2. ทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้กระทำ ก่อนแล้วมีเจตนาทุจริต เบียดบังเอาทรัพย์ ภายหลัง
3. เป็นความผิดอันยอมความได้
4.กรณีของตกหาย ถ้าเก็บไปโดยไม่ทราบว่าเจ้าของกำลังติดตามหรือมีเหตุอันควรจะรู้ เป็น ยักยอกทรัพย์

ถูหมอบหมายให้ดูแลร้านรับผิดชอบการหมุนเวียนของเงินทั้งรายรับรายจ่าย รับผิดเซฟ มีเงินหมุนเวียนเหยียบล้าน   แต่ปัญหาหลายอย่างกดดัน   หยิบเงินออกมา เกือบสามหมื่น  ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าผิดและจะต้องถูกจับได้แน่จากกล้องวงจรในร้านทั้ง36ตัว โทษนี้เป็นการลักทรัพย์ หรือ ยักยอกทรัพย์ แล้วถ้าสู้จะเป็นยังไง นี้เป็นความผิดครั้งแรกไม่เคยมีคดีติดตัวไม่เคยทำความผิดใดๆมาก่อน ในเมื่อนายจ้างหาทางบีบให้เราออก ทำงานเกือบสองเดือนยังไม่ได้เงินเดือน  ตั้งฐานเงินเดือนฬให้เรา8000 ไม่มีค่าโอทีให้ทำงานวันนึงไม่ต่ำกว่า12ชั่วโมงถูกด่าถูกว่าสารพัด ช่วยบอกด้วยนะครับว่าต้องทำยังไงถ้าคิดจะสู้ไม่อยากอยู่แบบหลบๆซ่อนๆอีก อยากส้ สู้ด้วยความเจ็บใจนี้แหละ สาบานกับตัวเองแล้วว่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเพราะมีเงินแต่หาความสุขไม่ได้เลยต้องอยู่กับความกลัวตลอดเวลา ก่อนสู้ขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ      ขอขอบพระคุณ  ณ  ที่นี้ด้วย

ทำงานเป็นพนักงานบัญชีการเงิน มีหน้าที่รับเงินที่ให้แมสเซ็นเจอร์ไปเก็บจากลูกค้าส่งให้นายจ้าง แต่ไม่ได้นำส่งนำเงินไปใช้ส่วนตน เป็นจำนวน 54 ครั้ง โดนข้อหาคดีลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง ต่างกรรม ต่างวาระ มีวิธีไหนที่จะไม่ติดคุกบ้างคะ

ทำงานเป็นพนักงานบัญชีการเงิน มีหน้าที่รับเงินที่ให้แมสเซ็นเจอร์ไปเก็บจากลูกค้าส่งให้นายจ้าง แต่ไม่ได้นำส่งนำเงินไปใช้ส่วนตน เป็นจำนวน 54 ครั้ง โดนข้อหาคดีลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง ต่างกรรม ต่างวาระ มีวิธีไหนที่จะไม่ติดคุกบ้างคะ

หนูมีเรื่องจะถามคะ พอดีว่าเพื่อนหนูอาสาเอาโน้ตบุ้คของหนูไปซ่อมให้ แต่หนูมารู้ทีหลังว่าเขาไม่ได้เอาไปซ่อมแต่เขาเอาโน้ตบุ้คหนูไปจำนำ และเขาได้ปล่อยให้หลุดจำนำ และเขาจะซื้อเครื่องใหม่ให้ หนูมีสิทธ์ไปไถ่ถอนคือได้ป่าวคะ ถ้าไปไถ่ถอนเอาโน้ตบุ้คของหนูคืนแล้ว และเขาสัญญาว่าเขาจะซื้อโน้ตบุ้คเครื่องใหม่ให้ (คือตังที่หนูไปไถ่ถอนนั้นหนูยืมตังเพื่อนไปไถ่ถอน คือเหมือนกับว่าเพื่อนหนูซื้อเครื่องที่จำนำนั้นไปเลย เผื่อแลกกับตังที่หนูยืมมา) แต่หนูกับคนที่ได้เอาโน้ตบุ้คของหนูไปจำนำนั้นเราได้ทำสัญญายอมรับสภาพหนี้ไว้ ว่าน.ส.นี้ได้นำโน้ตบุ้คของหนูไปจำนำโดยที่หนูไม่รู้ และน.ส.นี้ได้ยอมรับที่จะซื้อโน้ตบุ้คเครื่องใหม่ให้โดยมีไอโฟน5เป็นหลักค้ำประกันว่านส.นี้จะซื้อโน้ตบุ้คเครื่องใหม่ให้ และหนูก็เขียนจำนวนหนี้ทั้งหมดที่เขาจะต้องคืน และสุดท้ายข้อความหนูเขียนว่าถ้าเขาไม่คืนหนี้จำนวนนี้หนูก็มีสิทธิ์ที่จะครอบครองไอโฟน5ของเขาโดยชอบธรรม เขาก็เซ็นสัญญาเรียบร้ออย หนูก็เซ็นสัญญา และมีพยานเซ็นด้วยจำนวนหนึ่งคน 

ต่อมาเขาได้คืนตังแล้วแต่เขายังไม่จบเขาจะแจ้งความหนูกับข้อหายักยอกทรัพย์(ไอโฟน5) เขาจะแจ้งได้มั้ยคะ และหนูยังจะแจ้งความเขากับข้อหาลักทรัพย์เขาได้ไหมเครื่องโน้ตบุ้ค 

ช่วยหนูหน่อยคะ ตอนนี้เดือดร้อนมากเลยคะ

ขอปรึกษาเรื่อง เครื่องตัดไม้สตีล(ไม่ได้ขึ้นทะเบียน) โดนขโมยไปขายต่อให้เพื่อนบ้าน  สืบทราบมาว่ามีเพื่อนบ้านรับซื้อไปแล้วเจ้าตัวที่ซื้อเครื่อง มาบอกให้เจ้าของเครื่องสตีลทราบว่าใครเป็นคนมาขายให้ และพร้อมที่จะชี้ตัวผู้ที่นำมาขายด้วย

     ทางเจ้าของเครื่องสตีลก็ขอซื้อคืนกลับมาตามจำนวนเงินที่ได้ขายไป  สุดท้ายเจอตัวคนที่ขโมยเครื่องไป ทางเราจะเอาผิดได้หรือไม่ (คนที่ขโมยก็ยอมรับ และท้าให้ไปแจ้งความเลย) แบบนี้จะหาวิธีลงโทษผู้ที่ขโมยเครื่องสตีลได้อย่างไรครับ

จึงขอคำแนะนำด้วย

ผู้อยู่ในหมู่บ้าน

กรณีนาย ก นำรถมาเป็นหลักประกันในการกู้เงินกับ บ.ข แล้วนาย ก ผิดสัญญาคือค้างชำระเกินกำหนดที่ บ.ข ตั้งไว้ บ.ข ออกติดตามยึดรถนาย ก แต่ รถนาย ก อยู่กับบุคคลที่ 3 โดยนาย ก ค้างค่าเช้าห้องของบุคคลที่ 3 เขาเลยนำรถของนาย ก ไปไว้ในความครอบครอง ส่วน บ.ข ไกลเกลียกับนาย ก ถ้าไม่นำรถมาให้กับทาง บ.ข ก็ต้องเข้ามาชำระเงินตามสัญญากู้เงินให้แล้วสิ้น แต่ลูกค้าไม่รับรู้เรื่องราว ลูกค้ากับบุคคลที่ 3 จะมีความผิดฐานดัยบ้างค่ะ และทาง บ.ข จะมีทางออกไหนทีสามารถขอคืนรถจาก บุคคลที่ 3 ได้ เนื้องจากบุคคลที่ 3(มีตำรวจหนุนหลังอยู่ค่ะ)

 ผมเป็นพนักงานบริษัทครับ อายุงาน1ปี ตกลงสัญญาจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือน ทุกๆวันที่1 แต่ตลอดเวลาที่ผมทำงาน ก็จะจ่ายไม่เคยตรง แต่ก็จะมีเหตุผลมาบอก แต่ล่าสุด ทางบริษัทไม่มีคำชี้แจ้ง ถามผู้จัดการสาขาก็ไม่รู้ ตัวผมจึงติดต่อโทรไปทวงถามที่สำนักงานใหญ่ แต่ต่อมาทางบริษัทกลับออกใบเตือน ว่าผมทำผิด และสุดท้าย ทางบริษัทก็มาหักเงินเดือนของผมไปอีก3000บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าที่ผมถูกใบเตือน  ผมทำงานมาหลายที่ก็พึ่งเจอครั้งแรก นอกจากร้องกรมแรงงานแล้ว แบบนี้ผมแจ้งความได้ไหม เข้าข่ายยักยอกไหมครับ...หากกลับกันถ้าผมเอาเงินบริษัทไปโดยอ้างว่ามาจ่ายเป็นค่าจ้างที่ติดผม ทางบริษัทคงดำเนินคดีผมในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างแน่ๆ..รบกวนผู้รู้ช่วยบอกทีครับ

 ถามผู้รู้หน่อยครับกรนี นาย ก ไปรับงาน ต่อเติม บ้านให้ นาย ข ตอนหลังตกลงกันไม่ได้ นาย ก จึงหยุดการทำงาน แต่ นาย ข ไม่พอใจจึงไปแจ้งความว่า นาย ก ลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ซึ้งของทุกอย่างเป็นของที่ผุพัง นาย ก ได้ซื้อใหม่ไปติดตั้งทดแทนให้เรียบรอยแล้ว ถามผู้รู้ว่านาย ก ควรทำอย่างไร

 ผมเอาพระไปไว้กับคนรู้จักในราคา500แต่มีสัญาปากเปล่าว่าจะมาไถ่คืนแต่ไม่ได้กำหนดวันเขาก็รับปากว่ามาไก่ถอนตอนไหนก็ได้ไม่แกะพระของผมหรอกไว้ใจกันแต่ผลสุดท้ายพอผมจะไปไถ่ถอนเขาเอาพระที่ไม่ใช่ของผมมาให้บอกว่านี้พระที่ผมเอามาไว้ผมจะแจ้งความยักยอกทรัพย์ได้ไหมครับ

 สวัสดีค่ะ..นู๋เจอคดียักยอก..วันนี้มาส่งสำนวนที่อัยการวันแรก..เรื่องมียุว่า..นาย ป. มีอาชีพรับตัดไม้ วันนึ่งคุณแม่เลยได้ตกลงขายไม้ยางพาราให้นาย ป. ผ่านไป1 สัปดาห์ นาย ป. ก้อได้ติดต่อหานู๋เรื่อยๆ เร้วนาย ป. ก้อได้ไปคุยกะทางครอบครัวนู๋ว่า ชอบนู๋ คุนพ่อคุนแม่จะว่าไรไหมถ้าจะขอคุยกะนู๋

แม่ก้อตอบไปอย่างดีอกดีจัยว่ามีนายทุน..มีฐานะมาชอบลูกสาว จากนั้น นาย ป. ก้อได้ให้นู๋ทำงานร่วม โดยที่ให้ค่าว่าจ้างเปนเงินวันละ 2,000 บ. ( ไม่รวมค่าใช้จ่ายในบ้านและงวดรถน้ำมันรถ) และได้มายุกินที่บ้านบ่อยครั้ง เวลาผ่านไป เดือนกว่าๆ นาย ป. ได้บอกว่า ตอนนี้ขาดทุนอยู่ 270,000 บ. หลังจากนั้น2 สัปดาห์ ก้อได้มีภรรยาพร้อมลูกของนาย ป. โพล่ขึ้นมา และนาย ป. ก้อได้มาแจ้งความว่านู๋ยักยอกเงินของเขาจำนวน 243,600 บ. โดยที่นาย ป. ไม่ยอมไกล่เกลี่ย ไม่ยอมคุยรัยเลย นู๋เลยไม่รุ้จะทำงัยต่อ 

 ถ้าเป็นทีดินหรือโฉนดเรียกยักยอกทรัพย์มั้ยค่ะ

 รบกวนปรึกษาหน่อยค่ะ..หนูคดีเบียดบังทรัพย์โดนนายจ้างแจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่19มีนา61ที่มาผ่านและได้มีการเจรจากันที่บริษัทโดยนำเงินไปชดใช้150,000และลงบัญทึกประจำวัน(ลืมแจ้งค่ะหนูโดนกับน้องอีกคน)อยู่ๆวันที่8มิ.ย61ร้อยเวรเจ้าของคดีโทรมาแจ้งว่าพวกหนูโดนคดีลักทรัพย์ร้อยเวรแจ้งว่าพวกหนูไม่ใช่เจ้าหน้าที่รับเงินจากลูกค้าเพราะฉะนั้นเท่ากับลัดทรัพย์นายจ้างแล้วเขาก็ให้โทรไปเคลียกับนายแจ้งคือหนูอยากทราบว่ามันสามารถเปลี่ยนเป็นลักทรัพย์ได้ด้วยหรอค่ะ ทั้งทีก่อนนี้ร้อยเวรไม่ได้เรียกพวกหนูไปสอบสวนเลยค่ะ

 บิดาของภรรยาผมเอาโฉนดที่ดินของภรรยาผมไปเก็บไว้เอง ต่อมาภรรยาผมตาย โยภรรยาผมทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองไว้ โดยยกที่ดินนั้นให้กับบุตร และระบุในพินัยกรรมให้ผมเป็นผู้จัดการมรดก ผมได้ยื่นคำร้องต่อศาลตั้งผมเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไปขอโฉนดที่ดินที่พ่อภรรยาเพื่อจะนำไปโอนเป็นชื่อลูกตามพินัยกรรม แต่พ่อภรรยาไม่ยอมให้ ผมจึงไม่สามารถจัดการมรดกตามหน้าที่ได้ ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ และพ่อภรรยามีความผิดฐานใดบ้างครับ ขอพระคุณมากครับ

มีแต่คำถามที่ไม่มีคนตอบ