เรียนถามนะครับ

กระผมเป็นผู้เช่า โดยได้ทำสัญญาเช่ากับผู้ให้เช่าไว้เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเปิดดำเนินกิจการร้านขายยา
เมื่อผ่านไปเป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง
อยู่มาวันหนึ่ง กระผมทราบข่าวว่าข้างบ้าน (ที่ติดกัน) 2 ห้อง จากเดิมเป็นร้านโชวห่วย
กำลังจะเปิดเป็น 7-11 ในเดือนหน้า ก็รู้สึกดีใจว่าร้านเราจะมียอดขายเพิ่มขึ้น
เนื่องจากยอดขายที่ผ่านมาก็ไม่ถือว่ามากแต่อย่างใด (ทรงๆ)
จึงคิดว่าอย่างน้อยธุรกิจของเราจะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผล
มาจากอานิสงส์ของ 7-11
แต่แล้ว . . .
เมื่อผ่านไป 2 อาทิตย์ ทางผู้ให้เช่าได้แจ้ง ให้กระผมทราบว่าได้คุยกับทาง 7-11 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ว่าจะให้ 7-11 เช่าแทนกระผม พูดง่ายๆคือ ต้องการไล่ผมออก โดยให้เวลา 2 เดือนเท่านั้นในการไปหาทำเลใหม่
กระผมควรทำอย่างไรดีครับ?

ทั้งนี้ ผู้ให้เช่าไม่ได้รับปากว่าจะชำระค่าเสียหายให้  แต่พูดเป็นแนวว่าให้มาเจรจาตกลงกัน โดยได้เกริ่นว่า
จะคืนเงินมัดจำ 2 เดือนให้เท่านั้นเอง
(ซึ่งผู้ให้เช่า เป็นคนค่อนข้างเขี้ยวครับ) กระผมคิดว่า อย่างไรเสียคงจะได้
รับผลประโยชน์ไม่เหมาะสมแน่ (เพราะปัจจุบัน จะหาทำเลไม่ใช่เรื่องง่าย และกระผมเอง
ก็มีลูกค้าขาประจำอยู่พอสมควร)

โดยผู้ให้เช่า ให้เหตผลว่า เค้ารู้สึกไม่พอใจกระผมเป็นการส่วนตัว และพยายามหาเรื่องมาเล่นงานกระผม
ทั้งๆที่กระผมเป็นผู้เช่าชั้นดี คือจ่ายค่าเช่าตรงเวลาทุกงวด ไม่เคยค้าง หรือต้องให้ผู้ให้เช่าโทรตามแต่อย่างใด
รวมทั้งไม่เคยต่อเติม หรือดัดแปลงอาคารสถานที่แต่อย่างใด

ในเวลานี้ทางผู้ให้เช่าพยายามเร่งเร้ากระผมทุกวัน เพื่อบีบให้ผมออกครับ
(ทั้งๆที่กระผมยังยืนยันที่จะประกอบธุรกิจต่อไปอีก ปีครึ่ง ให้ครบกำหนดสัญญาครับ)

คำถามคือ
1. กระผมควรทำอย่างใรดีครับ? ถ้ากระผมยืนยันที่จะอยู่ต่อให้ครบตามกำหนดระยะเวลาสัญญา
ทางผู้ให้เช่า มีสิทธิ์ที่จะย้ายทรัพย์สินของกระผมออกไป หรือ หากุญแจมาปิดร้านกระผมได้หรือไม่ครับ?
2. ในกรณีที่ไม่มีทางเลือกจริงๆนะครับ กระผมไม่ทราบว่า จะมีวิธีคำนวณค่าการสูญเสียทางธุรกิจว่า
ในกรณีเช่นนี้ กระผมลงทุนเปลี่ยนกระจกหน้าร้านไปเกือบหมื่น, กระผมสั่งทำตู้ build in เกือบแสน
และค่าขนย้าย ค่าสูญเสียโอกาสและรายได้อีกประมาณปีครึ่งนั้น เค้าคิดกันอย่างไรครับ?

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
จาก ผู้เช่าตาดำๆ