คุณ ก็แจ้งสิครับว่า เป็นอของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว และนำเข้ามา เพื่อนำมาใช้ส่วนตัว ไม่ได้นำมาทำการค้า

ไปรับของมาวันนี้แล้วครับ เขาบอกว่าถ้าส่งเรื่องให้พิจารณานี่จะมีกาศโดนภาษีเพิ่มอีกเนื่องจากเขาถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย.... แต่ก็ขอชื่อกับเมลล์คนที่ประเมนราคาของๆผมไว้ ซึ่งทางคุณลุงเจ้าหน้าที่ฝ่ายคืนสินค้าก็เชียร์เต็มที่บอกว่าถ้าเป็นไปได้เอาเรื่องเลยเพราะการประเมินเนี่ยเขาบอกมันไม่มีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับความซวยว่าคนที่มาประเมินอารมณ์เป็นยังไง ซึ่งคุณลุงเจ้าหน้าที่เค้าก็ตะหงิดๆมาหลายปีแล้วเหมือนกันว่า แกบอกโดนซะเหวอะกันหลายคนแล้วไม่ยักกะมีใครเอาเรื่อง สงสัยคนไทยนี่รวยๆกันทั้งนั้น (ลุงคนที่คืนของให้เขาไม่รู้เรื่องอะไรมากครับ เขาเห็นว่ามีใบมาให้เก็บเงินตามนั้นเขาก็ทำตามหน้าที่ อันนี้ไม่โกรธครับ)

ซึ่งทางโน้นเขาเรียกร้องใบเสร็จจากของๆผมครับ แล้วผมก็ไม่รู้จะไปหามาจากใหนเพราะไม่ได้ซื้อ... พูดเท่าไหร่เขาก็ไม่ฟังครับ บอกว่าไม่มีหลักฐาน เขาบอกว่าส่งมาเป็น gift เนี่ยจงใจเลี่ยงภาษีมากกว่า

แต่ต่อไปจะระมัดระวังตัวมากกว่านี้ไม่ให้โดนแอ้มซะแล้วล่ะครับ

หากมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศอีกเมื่อไหร่ หากของน้ำหนักเกินต้องแยกส่งกลับมาก่อนเนี่ยผมคงต้องเซ็นชื่อพร้อมวันที่กำกับแล้วปั๊มลายนิ้วมือไว้ที่ตัวของด้วยเลยแหงๆ ถ่ายรูปไว้ด้วย แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับของใช้ชิ้นนั้นๆแล้วเก็บเป็นแฟ้มหลักฐานเวลาเขาหาว่าเรารับมาขาย กรีดเลือดหยดแหมะลงไปบนของซํกหยด ทีนี้หากของส่งมาถึงหลังผมกลับมาแล้วโดนภาษีอีกผมก็ยื่นกองสอบสวน พิสูจน์ dna กันเลย

ต้องเอาให้เจ็บ :(