[ หน้าแรก ] | [ เกี่ยวกับปมุขกฎหมาย ] | [ บริการของปมุขกฎหมาย ] | [ กระดานปรึกษากฎหมาย ] | [รวม Link ที่น่าสนใจ ] |
จะอุทธรณ์ว่าอย่างไรในคดีกู้ยืม | |
ถ้าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษามาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ ศาลชอบที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาคดีได้เอง คดีมีว่า ก ให้ ข กู้ยืมเงิน หลายครั้งๆละ 1-2 หมื่นบาท โดยนำกระดาษ มาเขียนเองว่า ข กู้ไปเท่าไหร่ แล้วให้ ข ลงชื่อไว้ เมื่อกู้ครั้งต่อมาก็ทำเช่นนี้อีก โดยที่ ก จะคืนสัญญาอันเก่าให้ ข ทุกครั้ง ข ก็เก็บไปทุกครั้ง จนกระทั่งกู้ไปจนครบ ห้าหมื่นบาท ก จึงบอกว่าไม่มีให้กู้แล้ว แต่จะไปยืมญาตกันมาให้ แต่ ข ต้องลงชื่อผู้กู้ในสัญญากู้เงินที่ขายตามท้องตลาด จะไม่เขียนเองอีกตกลงไหม ข ก็ตอบตกลง ก จึงได้ไปยืมเงิน ค ซึ่งเป็นญาตกันมาให้ ข อีก หนึ่งหมื่นบาท โดย ค ลงชื่อผู้ให้กู้ในสัญญา และ ก นำเงินมาให้ ข ที่บ้านและเขียนสัญญา ลงไป บางส่วน และลงชื่อเป็นพยาย ในช่องกำหนดชำระ และ จำนวนเงิน ข เป็นคนเขียนเอง และลงชื่อผู้กู้ไว้ พร้อมรับเงินไปและคืนสัญญากู้ให้ ก ไป ต่อมา ข ต้องการกู้เพิ่มอีก ก จึงไปบอก ค ว่า ข ขอกู้เพิ่มอีก ค ก็ ลงชื่อผู้ให้กู้ในสัญญากู้ฉบับใหม่ พร้อมเงินอีก หนึ่งหมื่นบาทให้ ก นำไปให้ ข เมื่อ ก ไปบ้าน ข ก็ให้เงิน ข แล้ว ก ก็ เขียนสัญญากู้เองทั้งหมด ให้ข ลงชื่อ ผู้กู้ ภรรยา ข ลงชื่อค้ำประกัน แล้วคืนสัญญากู้ฉบับก่อนให้ ข ไป แล้ว ก ก็นำสัญญากู้ฉบับนี้กลับมาให้ ค ต่อมา ก และ ค ต้องการทวงเงิน จึงบอก ข ไป แต่ ขไม่ให้ ค จึงมอบอำนาจให้ ก ฟ้องต่อศาลให้ทวงเงินรวมทั้งหมด ของ ก ห้าหมื่น ของ ค สองหมื่น รวม เจ็ดหมื่น ก ก็ให้ทนายฟ้องไปและศาลก็มีคำพิพากษามาดังกล่าว จึงอยากทราบว่า 1.เมื่อต้องอุทธรณ์คดี จะเขียนชี้แจงศาลว่าอย่างไร 2.ถ้า ก จะฟ้องคดีเองแต่ไม่รวมเงิน ของ ค จะได้ไหม แต่ ก ไม่มีเอกสารการกู้เลย เพราะอยู่ที่ ข ทั้งหมด และ ข ก็เคยนำไปแสดงแก่ศาลด้วยในวันสืบพยาน เพราะทนาย ข บอกว่า ถ้า ก ฟ้องเอง ข ก็ไม่สู้แล้ว ข้อนี้กฎหมายห้ามหรือไม่ว่าฟ้องซ้ำครับ 3. ในคำพิพากษาเขียนว่า ข้อเท็จจริงรับฟังว่าทุกครั้งที่ ก ให้ ข กู้ยืมเงินไป ก จะระบุโดยชัดแจ้งว่า ข กู้เงินจาก ก โดยตรง ไม่ได้ระบุชื่อ ค ว่าเป็นเจ้าของเงินแต่ประการใด แต่ความมาปรากฎชื่อ ค ในภายหลังว่าสัญญากู้ยืมเงิน ฉบับลงวันที่ 1 และ 15 มีชื่อเป็นเจ้าของเงินกู้ และในสัญญาก็ไม่ได้ระบุอัตราดอกเบื้ยไว้แน่นอนเหมือนสัญญากู้ทั่วไป และข้อเท็จจริงว่า ก และ ค ไม่ได้เป็นญาตพี่น้องกันอย่างแท้จริง ถึงกับ ค ยอมเป็นเจ้าหนี้เสียเองให้ ก นำเงินของตนไปให้ ข โดยตรงไม่ยอมเปิดเผยตัว แม้ ก จะอ้างว่าได้บอก ข ว่าเงินที่นำมาให้กู้ เป็นของ ค ก็ตาม ก็เป็นข้ออ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก เป็นเรื่องที่ ก และ ค ต้องรับผิดกันเป็นส่วนตัว ข และ ค มิได้มีนิติสัมพันธ์กันในเรื่องนี้ นับว่าเป็นข้อพิรุธและไม่สมเหตุผล เห็นว่า ก ที่นำสืบมาไม่สมฟ้อง รับฟังไม่ได้ว่า ค เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ขอถามว่าในสัญญากู้ก็ลงชื่อ ค เป็นผู้ให้กู้ ข ก็อ่านและยังกรอกข้อความในสัญญากู้เองบางส่วนด้วยในช่องจำนวนเงินกู้ แต่ตอนมาศาล ข บอกว่าเป็นสัญญาเปล่าแล้ว ข ลงชื่อในช่องผู้กู้ลงไป ส่วนฉบับต่อมา ก เขียนเองทั้งหมด ข ก็อ่านแล้วจึงลงชื่อ จึงอยากทราบว่า ที่กฎหมายบอกว่ากู้เงินกันขอให้มีลายมือผู้กู้ไว้ก็ไม่จริงใช่หรือไม่ เพราะว่าถ้าผู้ให้กู้ กับ ผู้กู้ ไม่รู้จักกัน ศาลก็ยกฟ้อง ช่วยออกความคิดเห็นด้วยครับข้อนี้ กรุณาตอบด้วย ขอบคุณครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ วิทยา :: วันที่ลงประกาศ 2007-09-10 17:44:43 IP : 58.9.69.10 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1152852) | |
-ผมมีความเห็นว่าคุณทำสัญญาหลายครั้งหลายหนเมื่อ ข. กู้เพิ่มก็ทำสัญญาใหม่ และคืนสัญญาเก่าให้ ข. ไปและเขาก็เก็บไว้ และต่อมามีการดึง ค.เข้ามาเกี่ยวข้องโดยอ้างว่าไปยืมเงิน ค. มาให้ ข. กู้ และทำสัญญากู้ขึ้นใหม่ ส่วนที่ ข.กู้คุณ คุณไม่มีสัญญาเก็บไว้เลย เมื่อฟ้องเรียกเงินกู้คืน ศาลย่อมสงสัยว่า การกู้ยืมนี้มีเงื่อนงำว่า ค. ทำไมต้องให้ ข.กู้เงินโดยผ่าน ก. คล้ายๆมีการวางแผนการอะไรสักอย่าง และ ข. นำสัญญากู้ฉบับก่อนมาอ้างยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยว่าทำไม ก. ไม่ทำสัญญาเงินกู้ระหว่าง ก กับ ข . เอง ทำไมต้องให้ ค. มาเป็นเจ้าหนี้ด้วย ถ้าทำสัญญาแยกกันไป คือ กู้จาก ค. ก็ให้ ข.ทำสัญญาเงินกู้กับ ค ต่างหาก ดังนั้นแม้จะมีสัญญากู้ที่ ข.ลงลายมือชื่อ แต่ สัญญาดูมีพิรุญ ศาลอาจมองว่าเป็นการฉ้อฉลจึงยกฟ้องก็เป็นได้ครับ 1. ควรปรึกษาทนายดีกว่าครับ 2. น่าจะเป็นฟ้องซ้ำ แม้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ คุณไม่มีสัญญาเงินกู้ก็ฟ้องไม่ได้ สัญญากู้ที่ ข. นำมาอ้างในศาล เขาน่าจะนำมาอ้างว่า เขาได้ชำระเงินกู้แล้ว และคุณคืนให้เขา ก็เป็นการปฏิเสธว่าเขาไม่มีหนี้ คือเขาอ้างว่าเขาเคยเป็นหนี้ แต่ได้ใช้หนี้แล้วจนคุณคืนสัญญาให้ ซึ่งคงมีน้ำหนักที่คุณโต้แย้งได้ลำบากครับ 3. ดังที่แสดงความเห็นข้างต้น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2007-09-11 19:59:59 IP : 125.26.106.61 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1088708 |