ซื้อบ้านเก่ามาจากเพื่อนแล้วเพื่อนบอกว่าจะมาซื้อคืน ต่อมาก็ไม่มาซื้อคืน (ระยะเวลาโดยประมาณ 3-4 ปี) ครั้งแรกก็พยายามจะผ่อน แต่ ด้วยมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงขาดผ่อน. ธนาคารเรียกไปทำประนอมหนี้ จากนั้น ก็พยายามผ่อนใหม่อีกครั้ง และก้อมีปัญหา เพราะช่วงนั้น เรียนต่ออยู่ และก้อต้องออกจากงานเก่า หา งานใหม่ได้ก้อเงินเดือนน้อย จึงทำให้ขาดผ่อนอีกครั้ง ธนาคารเรียกไปประนอมหนี้อีกครั้งหนึ่ง ก้อไม่ทันจะผ่อน คราวนี้ เจอปัญหาใหญ่ในครอบครัว คือ พ่อเป็นโรคหัวใจ จึงต้องผ่าตัด จึงไม่สามารถผ่อนได้อีกครั้ง ต่อมา หัวหน้าฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน ติดต่อมาบอกว่า ทางธนาคารมีโครงการใหม่ โดยจะช่วยซื้อบ้านกลับคืนธนาคาร โดยที่เราต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโอน และ อีก 10 % ของราคาบ้านที่ธนาคารรับซื้อ ดิฉันก้อโอเค จะทำ แต่ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ โทรมาบอกว่า เรื่องของดิฉันไม่ผ่าน เพราะตรวจสอบได้ว่า มีโฉนดที่ดินอยู่ ซึ่งโฉนดนี้ พ่อเพึ่งจะโอนมาเป็นชื่อดิฉัน เนื่องจากพ่อแก่มากแล้ว กลัวจะหลงลืม เจ้าหน้าที่คนนี้ให้คำแนะนำว่า ให้ดิฉันไปโอนกลับคืนพ่อหรือแม่ก็ได้ แล้วให้ดิฉันทำประนอมหนี้อีกครั้ง แล้วต้นปีหน้า เค้าจะดูให้ว่าจะมีโครงการนี้อีกมั้ย ดิฉันควรจะทำไงดีคะ ควรจะเชื่อเจ้าหน้าที่คนนี้ทุกอย่างมั้ย ดิฉันบอกเค้าว่า ดิฉันคงไม่มีปัญญาผ่อนแล้ว เพราะตอนนี้ดอกก้อทบต้นจนเกือบล้านแล้ว เจ้าหน้าที่คนนี้บอกว่า ดิฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะ ถ้าธนาคารตรวจสอบว่าดิฉันยังมีงานทำอยู่ แล้วไม่ผ่อน ธนาคารจะฟ้องล้มละลายต่อไป ตอนนี้ เรื่องชะงักอยู่ที่รอผลอนุมัติคำร้องที่ดิฉันยื่นประนอมหนี้ไป ว่าธนาคารกลางจะอนุมัติหรือเปล่า แล้วถ้าอนุมัติ เจ้าหน้าที่คนนี้ ก็จะเรียกไปเซ็นสัญญาอีกที. สรุปแล้วว่า บ้านหลังนี้ ดิฉันไม่ได้ต้องการที่จะได้มาไว้ครอบครอง แต่ต่องการช่วยเพื่อนเท่านั้น  ช่วยแนะนำทีว่า ดิฉันควรจะทำเช่นไร เพราะเพื่อนคนนั้นก็ติดต่อไม่ได้ และเค้าก็คงไม่เอาแล้ว.