ขอตอบแบบนี้นะ

นาย ก. มีความผิด ฐาน พยายามวิ่งราวทรัพย์ ตาม ปอ.ม. 336 วรรคสาม เพราะพยายามลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า และถือเป็นความผิดสาหัสขึ้นเพราะ เป็นเหตุให้ นาง ข. ได้รับอันตรายสาหัส เพราะทำให้แท้งลูก .. การแท้งลูก ไม่คำนึงว่า เด็กออกมาจะมีชีวิตหรือไม่ แต่คำนึ่งเพียงว่า ทำให้เด็กคลอดก่อนกำหนดที่ควรจะเป็นไปตามปกติ แค่นี้ก็ถือว่า แท้งแล้วนะ .. กฎหมายเรื่องนี้ เป็นการตีความอย่างแคบนะ

นาย ก. จะมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกพันบาทถึงสองหมื่นบาท แล้วให้ลดลงหนึ่งในสาม เพราะเป็นความผิดแค่พยายาม

เห็นแย้งกะคุณ nor ในกรณีนี้ เป็นการลักทรัพย์ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ แต่ทำไม่สำเร็จ มีความผิดข้อหา ชิงทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 (3) ไม่ใช่วิ่งราว ส่วนกรณีความผิดต่อร่างกาย ผิดตาม ปอ.295 ไม่มีวงเล็บ เพราะว่าการแท้งลูกตาม ม. 297 (5) ต้องเป็นกรณีคลอดออกมาแล้วเด็กตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ถ้าคลอดออกมาแล้วมีลมหายใจ แม้แต่ 1 วินาที ก็ถือไม่ได้ว่าแท้งลูก กรณีนี้ จึงมีความผิด 2 ข้อหา คือ  1.ชิงทรัพย์ ตาม ปอ. 339 (3) และ ทำร้ายร่างกาย ตาม ม. 295

ขอบคุณ คุณรู้น้อยฯ อย่างมากเลยนะ .. หากเป็นฎีกา คงต้องยอมรับตามแบบที่คุณแสดงความเห็นนะ .. ขอบคุณนะ

ถ้าผลักนาง ข.แล้วทรัพย์นั้นมีการเคลื่อนที่ก็เป็นความผิดสำเร็จสำหรับข้อหาวิ่งราวทรัพย์ครับ  แต่ถ้าทรัพย์ไม่ไปไหนก็ผิดแค่พยายามครับ เคสนี้ผู้เสียหายรักษาตัวแค่ 5 วัน ไม่ถึงกับสาหัส ยังไม่เข้าบทหนักที่ต้องรับโทษสูงขึ้น  แต่คงงต้องรับไปอีกข้อหาคือ ทำให้ผู้อื่นแท้งลูก เพราะแม้ว่านาย ก.จะประสงค์ต่อทรัยพย์  แต่ก็ควรเล็งเห็นอยู่แล้วว่าผู้เสียหายมีครรภ์ เพราะท้องตั้ง 7 เดือน  การที่นาย ก.ผลักนาง ข. นั้น ผู้กระทำย่อมต้องเล็งเห็นว่าเมื่อหญิงมีครรภ์ล้มลงก็อาจแท้งลูกได้  เมื่อผลของการกระทำทำให้ นาง ข. คลอดก่อนกำหนด เป็นเหตุให้ทารกในตาย เมื่ออยู่ได้ 2 วัน  จึงผิดฐานทำให้ผู้อื่นแท้งลูกด้วย