การสมรส กฎหมายถือเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ ที่จะต้องเป็นความยินยอมพร้อมใจของฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง ที่จะสมัครใจอยู่กินกันฉันสามีภรรยา  กฎหมายจึงไม่อาจบังคับ ให้ ฝ่ายชาย หรือฝ่ายหญิง ต้องสมรส กับอีกฝ่ายที่ไม่สมัครใจได้ครับ

กรณีที่คุณได้ยินมา อาจเป็นเรื่องกรณีพิเศษ เช่น ฝ่ายหญิงต้องการดำเนินคดีกับฝ่ายชาย ในข้อหาข่มขืน หรืออนาจาร และฝ่ายชายไม่ต้องการที่จะมีคดี จึงจำยอม ต้องรับผิดชอบจดทะเบียนสมรสกับฝ่ายหญิง เพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงเอาเรื่อง และตนเองต้องรับโทษ ตามกฎหมาย ซึ่งการสมรสในลักษณะนี้เป็นการบีบบังคับฝ่ายชายให้รับผิดชอบ ซึ่งจะใช้ได้ผลเป็นบางกรณี และเป็นบางเวลาเท่านั้นครับ ไม่สามารถใช้ได้ผลได้ทุกกรณี เสมอไปครับ และฝายหญิงก็ต้องทนอยู่กับฝ่ายชายที่ไม่ได้รักไป จนกว่า ความอดทนจะหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องครับ

กรณี ตาม ปัญหาของเพื่อนคุณ ที่ถามมา นั้น ต้องดูรายละอียดเกี่ยวกับเรื่อง ว่า จะดำเนินคดีในลักษณะอื่นๆ ได้หรือไม่ เช่น ฝ่ายชายผิดสัญญาหมั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายชายเคยตกลงว่า จะสมรสกับฝ่ายหญิงแล้ว ต่อมาผิดสัญญาไม่ยอมสมรส ทำให้ฝ่ายหญิงต้องได้รับเสียหาย เช่น ยอมมีอะไรกับฝ่ายชาย หรือ ฝ่ายหญิงต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรส อะไรแบบนี้ น่ะครับ แตต้องดูเป็นเรื่องๆ ไปนะครับ

ถ้าฝ่ายหญิงเพื่อนคุณ(หรืออาจเป็นตัวคุณเอง) ถ้ามีทรัพย์สินที่ซื้อไว้ในระหว่างอยู่กับฝ่ายชาย  ย่อมติดตามเอาคืนได้เสมอ  แต่ต้องมีภาระต้องพิสูจน์กันว่าเป็นของเราจริงหรือไม่  และทรัพย์สินอยู่ที่บ้านเขาการที่จะเข้าไปเอาย่อมมีข้อจำกัดมากมาย  อาจเจอข้อหาบุกรุกหรือลักทรัพย์  ข้อแนะนำ.....

    1.  ลองเจราจาขอเขาดีๆ  ไหนๆจะแยกกันแล้วเขาไม่น่าจะอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่น

2.    ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง   คุณก็ไปโรงพัก   ให้ตำรวจเรียกฝ่ายชายมาตกลงกันเรื่องทรัพย์สินบางทีเขาอาจยินยอมให้คืน   แต่...เรื่องจดทะเบียนสมรสคงบังคับเขาไม่ได้เช่นคุณปมุข แนะนำ

3.  ถ้าเขายังไม่ยินยอม  คุณก็คงต้องใช้อำนาจศาลเป็นที่พึ่ง ฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินที่เป็นสิทธิ์ของคุณ

4.   ถ้าทรัพย์สินมีราคาไม่มาก   อยากแนะนำให้คุณปล่อยไปเถอะคิดว่าเป็นทาน  ที่แล้วมาถือ เสียว่าเป็นบทเรียน

           ก็ลองเลือกเอาว่าคุณจะใช้วิธีไหน

วิธีให้ทานแก่คนเลวอย่างไม่ต้องเก็บมาคิดให้เปืองสมองคะ

 ลงบันทึกประจำวันว่าเปนสามีภรรยกันทำได้ป่าว