คดีนี้มีอยู่ว่า  ก ***้ยืมเงิน ข 100000 บาท โดยเขียนสัญญาเงิน***้ไว้ให้ และเขียนเช็คสั่งจ่ายให้ ข รวม 10 ฉบับ ๆ ละ 12000 บาท สั่งจ่ายฉบับแรกเดือน มค 49 - ตค 49 เมื่อ  ข นำเช็คไปขี้นเงินเดือน มีค เช็คก็เด้ง จึงสอบถามไปยัง ก  ก็ขอผลัดผ่อนเรื่อยมา เช็คฉบับ เม.ย ก็เด้งอีก  รวม 2 ฉบับแล้ว ข  ก็ติดต่อ ก อีก ก็ขอผลัดต่อมาอีก ข จึงยังไม่ได้นำเช็คตั้งแต่เดือน พ.ค เข้าธนาคาร แต่ได้ให้ทนายฟ้อง เช็คฉบับที่เด้งเป็นคดีอาญา  แต่เมื่อไปถึงศาล ๆ บอกว่าให้ ก ผ่อนจ่าย ข ก็บอกว่าตกลงให้ผ่อนจ่ายได้ แต่เมื่อถึงกำหนดจ่าย ก ก็ไม่ได้จ่ายอีก จึงอยากทราบว่า ต้องทำอย่างไรเพราะว่าคดีอาญาก็ไม่มีแล้วคดีแพ่งก็บังคับไม่ได้เพราะว่า ก ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ขอถามดังนี้ครับ

1.ทำไมศาลถึงให้  ก และ ข ยอมความกัน อย่างนี้ไม่ยุติธรรม เพราะว่าเมื่อ ข ยอมตกลงแล้ว ก ไม่ยอมจ่าย ข ก็ไม่รู้จะอาศัยอะไรมาบังคับได้เพราะ ก ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ก่อนหน้าที่จะยอมความมีคดีอาญาอยู่ ก ยอมทำให้ทุกอย่าง

2.ข ควรจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เสียเปรียบ ก ถ้านำเช็คฉบับที่เหลือเข้าบัญชี และดำเนินคดีอาญากับ ก อีก

3.เพื่อนบ้านหลายคนบอกว่าเมื่อฟ้องคดีอาญาศาลก็พยายามไกล่เกลี่ยให้ตกลงยอมความกัน พอยอมแล้ว จำเลยก็เบี้ยวหนี้ บอกไม่มีอย่างเดียว อย่างนี้กฎหมายไทยยุติธรรมหรือ ทุกคนบอกคราวหน้าไม่ให้ยอมความเด็ดขาดให้ติดคุกไปเลย แต่เราก็จะไม่ได้เงินคึน จะมีวิธีแก้อย่างไร เพื่อให้มีผลดีทั้ง 2 ฝ่าย

4.เมื่อศาลสั่งให้ โจทก์และจำเลยยอมความกันทำให้คดีอาญาระงับไป เหลือแต่คดีแพ่ง โจทก์จะนำคดีอาญามาฟ้องใหม่ได้หรือไม่ครับ

ขอบพระคุณครับ