กรรมสิทธิ์ในที่ดิน

  แม้จะอาศัยอยู่มานานเพียงใดก็ตาม  กรรมสิทธิ์ก็ยังเป็นของเจ้าของเดิม หรือ  ตกทอดเป็นมรดก แก่ลูกหลานของเจ้าของเดิม  ผู้รับมรดก(ลูกหลาน) จึงสามารถแจ้งให้ย้ายออกจากที่ดิน  หรือฟ้องขับไล่ได้.....อาจมีช่องทางอ้างกรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์  คือถ้าถูกฟ้องขับไล่ ก็ยกเรื่องการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้  คงต้องมีทนายข่วยเหลือ.....มีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกา  เคยวินิจฉัยว่า ทายาทผู้รับมรดก  ไม่ใช่บุคคลภายนอก  ที่ได้กรรมสิทธิ์ โดยเสียค่าตอบแทน ตาม ปพพ. ม.1299  ครอบครัวของคุณก็คงพอมีช่องทางได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน  โดยการครอบครองปรปักษ์  แต่คงว่ากันหลายยก ครับ

ฎีกาที่ 1069/2522

 ถ้าเรายินยอม เราสามารถเรียกร้องค่าชดเชยหรือค่าอะไรได้บ้างไหมครับ เนื่องจากทีบ้าน ไม่มีเงินที่จะหาที่อยู่ใหม่ในระยะ3เดือนครับ

ปล. ถ้าเรียกร้องได้จริง เราเรียกร้องตามที่เราต้องการได้ไหมครับ

ขอบคุณมากๆครับ ที่ให้ปรึกษาให้คอมเม้นแรกครับ 

 ข้อพิพาททางแพ่ง

  ถ้ายอมรับว่า ที่ดินเป็นทายาทของเจ้าของที่ดิน  โดยไม่ยกเรื่องการครอบครองปรปักษ์ขึ้นต่อสู้  ก็สามารถทำได้  ก็ใช้การเจรจา หาทางออกที่เหมาะสม  เช่นขอให้ทายาท ช่วยเหลือค่ารื้อถอนบ้าน  หรือค่าใช้จ่ายในการไปหาที่อยู่ใหม่  หรือขออยู่ต่อไป มากกว่า สามเดือน  เป็นต้น  คือยื่นข้อเสนอได้   แต่ฝ่ายเขาจะตกลงหรือไม่ คงตอบไม่ได้  เพราะไม่สามารถไปทายใจใครได้....ถ้าตกลงกันไม่ได้  และมีการฟ้องขับไล่   เมื่อศาลให้ขับไล่  ถ้าไม่ย้ายออก อาจถูกจับตัวไปกักขังได้ไม่เกินหกเดือน (ป.วิแพ่ง ม.363)..ถ้าไม่ยอมรื่้อบ้านและสิ่งปลกสร้างออกไป   เจ้าพนักงานบังคับคดี สามารถรื้อได้เอง  โดยเจ้าของบ้าน เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย  และอาจขายวัสดุอุกรณ์เหล่านั้นได้  ตาม ป.วิแพ่ง ม.252 ม.255....ก็เป็นความผิดพลาดในชีวิต ที่อาศัยอยู่บนที่ดินของผู้อื่น เกือบ 100 ปี แต่ไม่จัดการเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้เรียบร้อยลงตัว จึงย่อมเกิดปัญหาตกทอดมาถึงลูกหลาน ครับ