ReadyPlanet.com


สัญญาที่ไม่ได้เซ็นต์ต่อหน้าพยาน เป็นโมฆะจริงหรือไม่คะ


คุณแม่เซ็นต์ค้ำประกันให้น้องสาวเข้าทำงานในบริษัทซิงเ_อร์ สิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนี้น้องสาวหนีออกจากที่ทำงาน เนื่องจากมีปัญหาทางการเงินช่วงที่เกิดซึนามิ ตอนนี้บริษัทส่งหมายศาลมา ให้คุณแม่ใช้หนี้แทนน้องสาวเป็นเงินประมาณ 400,000 บาท ขอถามค่ะ

  1. เคยได้ยินว่าสัญญาที่ไม่ได้เซ็นต์ต่อหน้าพยาน ถือว่าเป็นโมฆะ จริงหรือเปล่าคะ เพราะคุณแม่เซ็นต์สัญญาที่เชียงราย แล้วส่งสัญญาไปที่ภูเก็ต ไม่ได้ไปเซ็นต์ที่บริษัท
  2. คุณแม่ไม่ได้สำเนาใบสัญญาไว้ แต่จำได้คร่าว ๆ ว่า ค้ำในวงเงินประมาณ 100,000 บาท และมีคนค้ำประกัน 2 คน เราต้องใช้คืน เท่าไหร่คะ 100,000 หรือ 200,000 (แบ่งกัน 2 คน แต่ไม่รู้ว่าอีกคนเป็นใคร) หรือ 400,000 คะ
  3. ประมาณ 4 ปีที่แล้ว บริษัทเคยส่งสัญญามาให้คุณแม่เซ็นต์ แต่คุณแม่ก็ไม่ได้เซ็นต์เพราะน้องสาวก็ไม่ได้โทรติดต่อมาว่าต้องเซ็นต์ ขอถามว่า สัญญาค้ำประกันมีอายุกีปีคะ เป็นไปได้ไหมว่าสัญญาหมดอายุ บริษัทเลยส่งมาให้เซ็นต์ใหม่
  4. ถ้าต้องสู้คดี จะยุ่งยากไหมคะ เพราะคุณแม่อยู่เชียงราย แต่ต้องเดินทางไปศาลที่ภูเก็ตวันที่ 10 กรกฏาคมนี้ จะต้องไปหลายครั้งไหมคะ (คุณแม่เป็นข้าราชการบำนาญ แก่แล้วคะสงสารคุณแม่เดินทางลำบาก)

ขอบคุณมากคะที่ช่วยตอบคำถามคะ



ผู้ตั้งกระทู้ บี :: วันที่ลงประกาศ 2007-06-21 12:11:44 IP : 61.19.32.2


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1013837)

1.คงไม่โมฆะครับ

2. ก็ต้องดูรายละเอียดนะครับว่าคุณแม่ของคุณ้ำประกันในวงเงินเท่าไร  แต่แม้มีผู้ค้ำประกันหลายคน   เขาก็สามารถเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันรายใดรายหนึ่งได้ทั้งหมดครับ

3. โดยหลักสัญญาประกันน่าจะไม่ขาดอายุความ  ที่เขาส่งมาให้ลงลายมือชื่อใหม่  ก็เป็นไปได้ว่าสัญญาค้ำประกันฉบับเก่าอาจไม่สมบูรณ์พอ เขาจึงจะทำขึ้นมาใหม่ เพราะมองดูแล้วว่า  น้องของแม่คุณคงต้องหลบหนีแน่  เขาจึงต้องทำหลักฐานให้มั่นคงเพื่อไว้ฟ้องร้องจะได้ไม่มีปัญหาครับ   ผมว่าคุณแม่ของคุณทำถูกแล้วที่ไม่ลงลายมือชื่อในสัญญาฉบับใหม่

4  โดยหลักแล้วเขาต้องฟ้องศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ครับ  ถ้าเขาฟ้องก็ควรหาทนายช่วยเหลือครับ  ถ้าถูกฟ้องก็คงมีเรื่องยุ่งยากแน่นอนครับ   แต่อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดอย่าได้วิตกจนเกินไปเลยครับ  มันต้องมีทางจนได้ครับ  ขอให้โชคดีครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้เฒ่า วันที่ตอบ 2007-06-21 18:38:30 IP : 125.26.107.172


ความคิดเห็นที่ 2 (4309346)

 ข้าพ นางสาว สุครรณทิพย์ หนองหาร ได้ถูกนางสาวกุลธิดา หลานสัน นางสิตี หลานสัน นางส้าหร้อ  บุตรเหม นายภูวนารถ พรหมดี และนางธนชล เครือวัลย์ หลองลวงทำให้เสียทรัพย์ โดยนางสาวกุลธิดา หลานสัน ได้ขอความช่วยเหลือให้

 นส.สุครรณทิพย์ หนองหาร ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 24183 เล่มที242 หน้า 83 และโฉนดเลขที่16016 เล่มที่ 616 หน้า 61
เป็นเงิน500
,000 บาทถ้วน โดยแบ่งชำระงวดแรกเป็นเงินสดในวันที่ 30 มีนาคม 2558 จำนวน250,000บาทให้กับนางส้าหร้อ  บุตรเหม ที่บ้านเลขที่12 ม.7 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง และอีก 250,000บาท จ่ายเงินสดให้กับนางลิ้ตี้ หลานสัน ที่ รพ.เหนือคลอง ในวันที่16-18 ก.พ. 59 โดย น.ส.กุลธิดา หลานสัน แจ้งว่าจำเป็นต้องใช้เงิน จึงยังไม่ได้โอนกรรมสิทธ์ในวันที่ชำระเงินไปทั้งหมดซึ่งครบถ้วนแล้ว เนื่องจากนางสีตี หลานสันไม่สบาย และได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินไว้แทนแต่เจ้าของกรรมสิทธิ์จริงๆคือนายภูวนารถ พรมดี  ด้วยความไว้ใจเชื่อใจและเห็นใจ นส.สุครรณทิพย์ หนองหาร จึงได้นัดวันให้โอนกรรมสิทธิ์ วันหลังและนส.กุลธิดา หลานสัน นางสีตี หลานสัน และนางส้าหร้อ บุตรเหม ได้แจ้งว่านายภูวนารถ พรมดี ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินไม่อยู่เดินทางไปทำงาน กทม.เสียแล้ว นส.สุครรณทิพย์ หนองหาร จึงได้ให้ นส.กุลธิดา หลานสัน นางสีตี  หลานสัน และนางส้าหร้อ บุตรเหม เป็นผู้ติดตามประสานให้นายภูวนารถ พรมดี ส่งเอกสารมอบอำนาจมาให้ เวลาผ่านไป 2 ปี นายภูวนารถพรมดี ได้ส่งเอกสารมอบอำนาจมาให้ 3 ครั้ง ครั้งแรก เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าโอนไม่ได้ เนื่องจาก หนังสือมอบอำนาจไม่ใช่แบบของสำนักงานที่ดิน  ครั้งที่2 เจ้าหน้าที่แจ้งว่าโอนไม่ได้เนื่องจาก ลายมือ ชื่อและข้อความภายในไม่ใช่ลายมือเดียวกัน ครั้งที่3  เจ้าพนักงานแจ้งว่าที่ดินถูกกรมบังคับคดียึดทรัพย์ไปแล้ว  นส.สุครรณทิพย์หนองหารจึงได้ให้ นส.กุลธิดา หลานสัน นางสีตี  หลานสัน และนางส้าหร้อ บุตรเหม ติดตามนายภูวนารถ พรมดี เพื่อมา จะชำระหนี้กับทางธนาคารไทยพาณิชย์ให้เรียบร้อย เพื่อจะได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับ นส.สุครรณทิพย์ หนองหารโดยให้ผู้ใหญ่บ้าน หมู่7 ไปด้วย ณ.บ้านเลขที่12 ม.7 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึง เดือนมีนาคม 2561 นส.สุครรณทิพย์ หนองหาร ทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการไดๆจึงเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายภูวนารถ พรมดีวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562  และนายภูวนารถ พรหมดี จึงได้ให้นาง ธนชล เครือวัลย์ ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทน มาหลอกให้ทำหนังสือกู้ยืมเงินแทนในวันที่6 มีนาคม 2562 และบอกว่าจะผ่อนชำระคืนให้ทุกเดือนเป็นเวลา1 ปีและยังบอกว่าให้บันทึกเสียงไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วยทำให้เราเชื่อถือ ต่อมา นส.สุครรณทิพย์  หนองหาร ได้ทราบภายหลังว่าที่ดินถูกกรมบังคับคดีขายทอดตลอดไปแล้วจึงได้โทรติดต่อนาง ธนชล เครือวัลย์และนายภูวนารถ พรมดี เพื่อให้นำเงินส่วนเกินมาชำระหนี้สินคืนให้ตนบางส่วนก่อน  แต่บัดนี้เวลาผ่านไป2เดือน 8วัน นส.สุครรณทิพย์หนองหารจึงได้รู้ว่าตนเองถูกหลอกลวงเพราะไม่มีการโอนเงินมาให้และติดต่อนายภูวนารถ พรมดีไม่ได้และได้แจ้งให้ นส.กุลธิดา หลานสัน
นางสีตี  หลานสัน และนางส้าหร้อ บุตรเหมทราบเพื่อให้ติดตามนายภูวนารถ พรมดี แต่ก็ไม่ได้รับการดำเนินการแต่อย่างใด  จึงมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อไป สามารถฟ้องคดีอาญาได้หรือไม่ค่ะเพระาผู้เสียหายรู้สึกว่าถูกหลอกลวงมาตลอด

ผู้แสดงความคิดเห็น 4289 (mummoong1-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2019-05-22 07:26:53 IP : 61.7.183.19


ความคิดเห็นที่ 3 (4309347)

 ข้าพ นางสาว ......... ได้ถูกนางสาวกุลธิดา ...... นางสิตี ......นางส้าหร้อ  ....... นายภูวนารถ .... และนางธนชล ..... หลองลวงทำใ ห้เสียทรัพย์ โดยนางสาวกุลธิดา ..... ได้ขอความช่วยเหลือให้

 นส....... ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 24183 เล่มที242 หน้า 83 และโฉนดเลขที่16016 เล่มที่ 616 หน้า 61
เป็นเงิน500
,000 บาทถ้วน โดยแบ่งชำระงวดแรกเป็นเงินสดในวันที่ 30 มีนาคม 2558 จำนวน250,000บาทให้กับนางส้าหร้อ  ....... ที่บ้านเลขที่12 ม.7 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง และอีก 250,000บาท จ่ายเงินสดให้กับนางลิ้ตี้ ....... ที่ รพ.เหนือคลอง ในวันที่16-18 ก.พ. 59 โดย น.ส.กุลธิดา ....... แจ้งว่าจำเป็นต้องใช้เงิน จึงยังไม่ได้โอนกรรมสิทธ์ในวันที่ชำระเงินไปทั้งหมดซึ่งครบถ้วนแล้ว เนื่องจากนางสีตี ........ไม่สบาย และได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินไว้แทนแต่เจ้าของกรรมสิทธิ์จริงๆคือนายภูวนารถ .........  ด้วยความไว้ใจเชื่อใจและเห็นใจ นส.สุ........... จึงได้นัดวันให้โอนกรรมสิทธิ์ วันหลังและนส.กุลธิดา ...... นางสีตี ......... และนางส้าหร้อ ........... ได้แจ้งว่านายภูวนารถ .......... ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินไม่อยู่เดินทางไปทำงาน กทม.เสียแล้ว นส.สุ........จึงได้ให้ นส.กุลธิดา ........ นางสีตี  .........และนางส้าหร้อ ......... เป็นผู้ติดตามประสานให้นายภูวนารถ ........ ส่งเอกสารมอบอำนาจมาให้ เวลาผ่านไป 2 ปี นายภูวนาร....... ได้ส่งเอกสารมอบอำนาจมาให้ 3 ครั้ง ครั้งแรก เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าโอนไม่ได้ เนื่องจาก หนังสือมอบอำนาจไม่ใช่แบบของสำนักงานที่ดิน  ครั้งที่2 เจ้าหน้าที่แจ้งว่าโอนไม่ได้เนื่องจาก ลายมือ ชื่อและข้อความภายในไม่ใช่ลายมือเดียวกัน ครั้งที่3  เจ้าพนักงานแจ้งว่าที่ดินถูกกรมบังคับคดียึดทรัพย์ไปแล้ว  นส.สุ............จึงได้ให้ นส.กุลธิดา ......... นางสีตี  ............ และนางส้าหร้อ ........ติดตามนายภูวนารถ ......... เพื่อมา จะชำระหนี้กับทางธนาคารไทยพาณิชย์ให้เรียบร้อย เพื่อจะได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับ นส.สุ.............โดยให้ผู้ใหญ่บ้าน หมู่7 ไปด้วย ณ.บ้านเลขที่12 ม.7 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึง เดือนมีนาคม 2561 นส.สุ..........ทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการไดๆจึงเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายภูวนารถ .........วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562  และนายภูวนารถ ........ จึงได้ให้นาง ธนชล .......... ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทน มาหลอกให้ทำหนังสือกู้ยืมเงินแทนในวันที่6 มีนาคม 2562 และบอกว่าจะผ่อนชำระคืนให้ทุกเดือนเป็นเวลา1 ปีและยังบอกว่าให้บันทึกเสียงไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วยทำให้เราเชื่อถือ ต่อมา นส.สุ............ ได้ทราบภายหลังว่าที่ดินถูกกรมบังคับคดีขายทอดตลอดไปแล้วจึงได้โทรติดต่อนาง ธนชล ...........และนายภูวนารถ ......... เพื่อให้นำเงินส่วนเกินมาชำระหนี้สินคืนให้ตนบางส่วนก่อน  แต่บัดนี้เวลาผ่านไป2เดือน 8วัน นส.สุ..........จึงได้รู้ว่าตนเองถูกหลอกลวงเพราะไม่มีการโอนเงินมาให้และติดต่อนายภูวนาร.......ไม่ได้และได้แจ้งให้ นส.กุลธิดา ........ นางสีตี  ......... และนางส้าหร้อ ........ทราบเพื่อให้ติดตามนายภูวนารถ .......... แต่ก็ไม่ได้รับการดำเนินการแต่อย่างใด  อยากทราบว่ามันเข้าอาญาได้ใหมค่ะ แล้วต้องดำเนินการอย่างไรต่อบ้างค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น 4289 (mummoong1-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2019-05-22 07:36:41 IP : 61.7.183.19



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.