--เรื่องการทำร้ายร่างกาย  ประมวลกฎหมายอาญา....วางกรอบความรับผิดไว้ หลาย ระดับ  อาทิ...

....ถ้าทำร้ายร่างกายผู้อื่น  โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ   โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท.(ม.391)..เป็นลหุโทษคือโทษเบาเช่น  ผลักอกเขา   ตบหน้า....

---ถ้าทำร้ายผู้อื่น  จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายหรือจิตใจ  โทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่นพันบาท(ม.295)

--ถ้าทำร้าย....จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายสาหัส  โทษจำคุก  หกเดือนถึง สิบปี(ม.297)  อันตรายสาหัสเช่น  ตาบอด  หูหนวก ลิ้นขาด สูญเสียประสาทการรับฟัง  เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว...หน้าเสียโฉม...แท้งลูก  จิตพิการ..  ทุพลลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง...เจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน เป็นต้น

..ถ้ากระทำร้ายร่างกายตาม  ม.297  แก่  บุพการี   เจ้าพนักงานฯ  โดยไตร่ตรองไว้ก่อน  เป็นต้นมีโทษ   ตั้งแต่2 ปีถึง 10 ปี

 1.  ก็ต้องดูขอเท็จจริงเป็นเรื่องๆไปว่า  การชก  ต่อย ตบ  ตี  มีอันตรายมากน้อยเพียงใด   ผลการวินิจฉัยของแพทย์มีส่วนสำคัญในการตัดสินว่า  ผู้กระทำความผิดจะต้องได้รับโทษอย่างไร ตามที่กล่าวข้างต้น

2. ดูตามเหตุผลข้อ 1

     ---ความรับผิดทางแพ่ง       ผู้เสียหายสามารถฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน(ค่าเสียหาย)ได้ตามควรแก่กรณี..คงกำหนดตัวเลขแน่นอนไม่ได้..แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อ งๆไป

----การจะถูกจำคุกหรือไม่  เป็นดุลยพินิจของศาล  ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการพิจารณาของศาลเป็นเรื่องกรณีๆไปครับ

-เมื่อถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย....เมื่อตำรวจสอบสวนเสร็จ...คงสามารถขอประกันตัวได้ตามเงื่อนไขที่ตำรวจกำหนด

---หวังว่าคุณถามเพื่อเป็นความรู้....คงไม่คิดวางแผนจะไปทำร้ายผู้อื่นนะครับ   ในความเป็นจริงการทำร้ายร่างกายมักได้รับโทษไม่สูงนักหรือได้รับการรอการลงโทษ    แต่การล้างแค้นและจองเวรต่อกันคงจบยากและผู้กระทำความผิดมักไม่เคยรอดพ้นศาลเตี้ยคือถูกฆ่าและถูกทำร้ายที่สาหัสกว่าที่เคยทำร้ายเขาหลายเท่า     ทางออกที่ดีที่สุดจงให้อภัยแก่ผู้ที่เราเกลียดชัง...แล้วเราจะพบทางสันติสุขอย่างคาดไม่ถึงครับ......