การบังคับคดี

ได้เป็นโจทย์ฟ้องรถกับจำเลยคืน โดยรถคันดังกล่าวข้าพเจ้าได้เช่าซื้อกับไฟแนนซ์อยู่ ต่อมาจำเลยเอารถไปใช้ไม่คืนให้และส่งงวดรถช่วงที่ตนเอาไปใข้เอง(เดิมจำเลยเป็นอดีตคนรัก) ต่อมาศาลช้นต้นตัดสินให้จำเลยเอารถมาคืนพร้อมชดใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 5,000 บาท ถ้าคืนรถไม่ได้ให้ชดใช้เงินคืนประมาณ 600,000 บาท แต่จนปัจจุบันโจทก์ยังไม่คืนรถให้ ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่กล้าไปเอารถคืนเพราะกลัวข้อหาบุกรุก ภายหลังข้าพเจ้าทราบว่าจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์แบบอนาถา และยังมีอีกคดีหนึ่งคือเรื่อง***้ยืมเงินที่จำเลยทำสัญญาไว้ให้กับข้าพเจ้าจำนวนเงิน 200,000 บาท และผลตัดสินพึ่งออกมาว่าข้าพเจ้าชนะคดี แต่ก็ไม่ทราบว่าจำเลยจะอุทธรณ์ต่อหรือไม่ อยากทราบว่า
1) การที่จำเลยอุทธรณ์แบบอนาถา จะทำได้หรือไม่ เพราะจำเลยไม่ได้ยากจนตามที่อ้าง เพราะจะทราบว่าจำเลยมีโฉนดที่ดินของตนอยู่แปลงหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.แห่งหนึ่ง เลยจากทราบว่าคำว่าอนาถานั้นหมายถึงอย่างไร และถ้าจำเลยโกหกศาลจำเลยจะมีผลอย่างไร เพราะขณะนี้รอศาลนัดไต่สวนอยู่ จะทำอย่างไรเพื่อชี้ให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ยากจนตามที่จำเลยอ้างช่วยแนะนำด้วยคะ
2) ถ้าหากจำเลยขออุทธรณ์ได้ และการอุทธรณ์ยังไม่เสร็จสิ้น จะทำเรื่องบังคับคดีได้หรือไม่
3) ถ้าต้องบังคับคดี แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าจำเลยมีทรัพย์สิน เงินในสมุดบัญชีอะไรบ้าง จะขอข้อมูลได้ที่ไหน มีขั้นตอนอย่างไร ขณะนี้ทราบเพียงว่าจำเลยมีโฉนดที่ดินอยู่ 1 แปลง และมีรถกระบะ 1 คัน แต่ก็ไม่ทราบจำเลยซื้อเงินสดหรือยังผ่อนกับไฟแนนซ์อยู่ และขณะนี้จำเลยยังเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการกับหจก.แห่งหนึ่ง
รบกวนช่วยตอบให้ด้วยนะคะ เพราะกลัวว่าตนเองจะไม่ได้ค่าเสียหายคืน