สวัสดีครับ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ ปี 43 ผมได้ให้เพื่อนยืมเงินไปใช้ เป็นจำนวน 250000 บาทโดยที่เขาจะใช้คืนให้ภายใน 6 เดือน ผมเห็นว่าเป็นเพื่อนเคยเรียนหนังสือมาด้วยกัน จึงไม่มีหลักทรัพย์อะไรมาเป็นประกัน มีเพียงแค่หนังสือสัญญากู้ยืมเงินเท่านั้น อ้อผมลืมบอกไปว่าเงินที่เขายืมไปนั้นเป็นเงินของน้องผมที่ใช้จ่ายในการเรียนหนังสือในมหาลัย ซึ่งผมขอยืมเงินของน้องให้กับเขาเพราะว่า เขาจะใช้คืนให้ทุกเดือนเป้นเวลา 6 เดือนและเดือนสุดท้ายก็จะคืนที่เหลือให้หมด
ผมเห็นว่าน้องของผมก็ยังพอจะมีเงินใช้จ่ายโดยไม่ติดขัด จนถึงเอนสุดท้ายเขาก็ไม่จ่ายผมจึงไปขอเงินคืนเขาก็ขอผ่อนผันโดยจ่ายให้ผมมาเป็นเช็ค โดยจ่ายมาทั้งหมด 5 ใบมีระยะเวลาห่างกันใบละ 1 เดือน จนถึงครบกำหนดขึ้นเงิน ผมนำเช็คไปขึ้นเงินแต่ทางธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผมได้ติดต่อกลับไปที่เขาอีกที แต่ถูกภรรยาเขาต่อว่ามา โดยเขาได้พูดว่าเขาไม่ได้เอาหลักทรัพย์อะไรไปเป็นประกัน เขาไม่กลัวและยังท้าว่าถ้าแน่จริงก็ไปฟ้องเอาเอง
ผมจึงได้ไปปรึกษาทนายคนหนึ่งซึ่งเขาบอกว่าจะช่วยให้ได้เงินคืน โดยจะเป็นทนายให้ทั้งคดีแพ่งและอาญา โดยมีค่าใช้จ่าย 30000 บาท โดยจะเริ่มทำงานให้เมื่อผมจ่ายเงินให้หมด ผมไม่มีทางเลือกเพราะว่าน้องของผมไม่มีเงินเรียนหนังสือ โดยที่เขารับปากว่าไม่เกิน 3 เดือนจะได้เงินคืนพอผมผ่อนจ่ายให้เขาหมดเขาก็เริ่มหายติดต่อไม่ค่อยได้ โทรไปที่สำนักงานเขาก็ไม่รับผิดชอบ บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของทนายคนนี้ จนผมต้องฟ้องคดีอาญาเอง(เรื่องเช็ค) จนคดีสิ้นสุดผมก็ยังไม่ได้เงิน จนผมต้องฟ้องคดีแพ่งอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ยังไม่จ่าย โดยไปที่ศาลเขาก็จะให้มีการประนีประนอมหนี้กัน พอตกลงที่ศาลเขาก็ยังไม่จ่ายอีก และผมได้ไปปรึกษาทนายท่านได้บอกว่าให้ไปสืบทรัพย์สินของเขา เพื่อทำการฟ้องยึดทรัพย์
ผมได้พยายามไปสืบธุรกิจของเขา เขาได้เปลี่ยนชื่อในธุรกิจเป็นชื่อของภรรยาและลูกหมด โดยที่เขาไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย
ผมอยากจะปรึกษาท่านทนายหรือผู้รู้ทุกท่านช่วยผมด้วย ผมมีคำถามอีกข้อหนึ่งด้วยคือ เรื่องค่าใช้จ่ายในการยึดทรัพย์ และระยะเวลาการขายทอดตลาดจนถึงการได้เงินคืน เพราะว่าน้องผมต้องไปกู้เงินที่อื่นเพื่อเรียนหนังสือให้จบ และตอนนี้ถึงกำหนดต้องชำระรวมทั้งดอกเบี้ยด้วย ซึงผมก็ไม่ได้มีฐานะรำรวยอะไร เพียงแต่อยากจะช่วยเขาแต่ผลสุดท้ายต้องมารับกรรม