ตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งที่ที่หนึ่งเคยสามารถจอดรถจักรยานยนต์ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ที่ตรงนั้นไม่สามารถจอดรกจักรยานยนต์ได้แล้ว โดยที่ไม่ป้ายบอกว่าห้ามจอด อยู่มาวันหนึ่งมีคนซึ่งอยู่ต่างจังหวัดและเคยมาซื้อของที่ตลาดแห่งนี้ก็เข้าใจว่าสามารถจอดรถจักรยานยนต์ได้เช่นเคย จึงได้จอดเอาไว้และขณะที่จอดนั้นก็มีรถคันอื่นจอดอยู่ด้วย ที่สำคัญที่ตรงนั้นไม่ป้ายห้ามจอด ไม่มีสัญลักษณ์ใดๆที่แสดงถึงว่าเป็นที่ที่ห้ามจอดเลย เมื่อคนต่างจังหวัดผู้นั้นได้ทำธุระของตนเองเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่รถ พบว่ามีนายตำรวจคหนึ่งกำลังทำการเขียนใบสั่งพร้อมกับล็อคล้อรถจักยานยนต์ เจ้าทุกข์จึงถามถึงเหตุผลที่ทำอย่างนี้ และตำรวจก็ได้ให้เหตุผลว่า จอดรถในที่ห้ามจอด แต่เมื่อเจ้าทุกข์ไดทำการชี้แจงว่าไม่เห็นมีป้ายบอก และไม่มีสักญลักษณ์ใดๆที่แสดงว่าห้ามจอดแม้แต่น้อย แต่นายตำตวจคนนั้นกลับบอกว่า "ก็ผมเดินประกาศอยู่นี่ไง ตอนที่ผมไปประกาศคนไปอยู่ที่ไหนมา" เจ้าทุกข์ก็ไม่พอใจและไม่ยอม จึงได้ไปตามเอารถที่โรงพักพร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชนที่โดนยึดไป เมื่อไปถึงโรงพักเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่ทำการจับมานั้น ยังแสดงกิริยามารยาทไม่เหมาะสม เอะอะโวยวาย อาละวาด และบอกแค่เพียงว่า "ไม่รู้ล่ะยังไงผมก็ไม่ยอมความให้หรอก คุณต้องเสียค่าปรับ ในเมื่อคุณเป็นคนผิด" อยากจะทราบว่ากรณีนี้เจ้าทุกข์หรือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนผิด เนื่องจากความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าในเมื่อไม่มีป้าย หรือสัญลักษณ์ในการห้ามจอดให้เป็นที่เห็นเด่นชัด แล้วคนทั่วไปจะทราบได้อย่างไร แล้วการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นบอกว่าเดินประกาศไปทั่วตลาดแล้วไม่ได้ยินเอง อยากทราบว่าการเดินประกาศไปทั่วตลาดจะสามารถทำให้ได้ยินกันทุกคนเหรอคะ มั่นใจในเสียงของตนเองขนาดนั้นเลยเหรอ ช่วยตอบข้อสงสัยในกรณีนี้ด้วยนะคะ ข้องใจเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดเจ้าทุกข์ก็จ่ายค่าปรับนะคะพร้อมทั้งจดชื่อและยศของนายตำรวจคนนั้นเพื่อที่จะโทรไปร้องทุกข์ การกระทำนี้จะมีผลทำให้นายตำรวจคนนั้นโดนว่ากล่าว ตักเตือนบ้างหรือไม่คะ