-สัญญากู้ที่สมบูรณ์ผู้กู้ต้องลงลายมือชื่อเป็นสำคัญ.....สัญญาสำเร็จรูปตามท้องตลาดก็สามารถใช้ได้เพียงกรอกข้อความตามความเป็นจริง   และต้องปิดอากรแสตมป์ในช่องสี่เหลี่ยมที่ว่างไว้ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด(ผมจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้ ดูเหมือนจะต้องปิดอากรฯ 1 บาทต่อเงินกู้ 1,000 บาท   ควรสอบถามสรรพากรอีกทีนะครับ)และขีดฆ่าอากรฯให้ถูกต้อง  การไม่ปิดอากรฯให้ถูกต้องอาจเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้.......แต่ถ้าเป็นสัญญากู้ยืมที่ทำขึ้นเองถือเป็นหลักฐานในการกู้ยืม   ไม่ต้องปิดอากรฯก็คงสามารถใช้ฟ้องได้ครับ

-และเอกสารอื่นๆที่ควรมีประกอบสัญญากู้(กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องมี) เช่นสำเนาบัตรประจำตัวประชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ที่ลงลายมือชื่อรับรองเอกสาร และระบุด้วยว่าใช้เป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงินนาย/นาง..........จำนวน.........บาทตามสัญญาลงวันที่.........เอกสารเหล่านี้กฎหมายไม่กำหนดไว้ว่าการกู้ยืมเงินต้องมี  คือถ้าไม่มีเอกสารเหล่านี้ก็ไม่ทำให้สัญญกู้เป็นโมฆะ  แต่เป็นหลักฐานยืนยันที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก  ในกรณีที่ผู้กู้อาจต่อสู้ว่าตนไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้   หรือต่อสู้ว่าสัญญากู้ปลอม   เอกสารประกอบเหล่านี้จะช่วยเหลือได้มากครับ  และถ้าเป็นไปได้ถ้ามีผู้ค้ำประกันเงินกู้ด้วยจะมีผลดีต่อเจ้าหนี้มาก  และควรเรียกเอกสารประกอบเหมือนผู้กู้ครับ  เอกสารเหล่านี้ควรขอจากผู้กู้ก่อนจ่ายเงินให้เขา ถ้าเรียกเอกสารเหล่านี้ภายหลังเขาอาจไม่ให้  เจ้าหนี้คงทำอะไรไม่ได้มากครับ

-เรื่องค่าทนายต้องตกลงกันเอาเองครับคงกำหนดแน่นอนไม่ได้ครับ

ถ้าสัญญาไม่ระบุทรัพย์สินที่ต้องใช้ค้ำประกันและไม่ระบุดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย(เนื่องจากเป็นการยืมเงินด้วยความสิเหน่หา) จะสามารถ

ฟ้องร้องได้ไม๊ถ้าภายหลังเกิดการผิดสัญญา

 การเขียนสัญญาเงินกู้ต้องมีเอกสารบัตรประชาชนหรือไม่ถ