-พิจารณาจากที่คุณเล่ามา  ช่องที่จะดำเนินคดีเขาทางอาญาน่าจะไม่มี  เพราะเป็นความยินยอมพร้อมใจของคุณมาแต่แรก   เว้นแต่คุณเป็นผู้เยาว์อาจพอมีช่องทางเอาผิดกับเขาได้....ถ้าไม่มีช่องทางเอาผิดทางอาญา   เรื่องค่าเสียหายคงไม่สามารถเรียกร้องได้

-สำหรับค่าเลี้ยงดูบุตรอาจมีช่องทางเรียกร้องจากเขาได้    ถ้าเขายินยอมจดทะเบียนรับรองบุตร...   ถ้าเขาไม่ยินยอมคุณต้องฟ้องทางแพ่งให้เขารับเด็กเป็นบุตรโดยต้องมีเงื่อนไขตามกฎหมาย  เช่น  คุณถูกข่มขืนกระทำชำเรา     ถูกล่อลวงไปร่วมประเวณี     ใบเกิดของเด็กมีชื่อเขาเป็นบิดาหรือบิดาเป็นผู้แจ้งเกิด    บิดามารดาเด็กอยู่กินกันเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงอาจตั้งครรภ์ได้   หรือมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรของเขา(ปพพ.ม.1555)  พิเคราะห์ดูแล้วคุณคงหาทางฟ้องให้เขาเด็กเป็นบุตรได้ค่อนข้างลำบาก   แม้ปัจจุบันมีการตรวจ DNA ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้แน่นอนว่าเป็นบุตรของเขาจริงหรือไม่   แต่ถ้าเขาไม่ยินยอมให้ตรวจเลือดก็เป็นเรื่องยุ่งยาก  เพราะยังไม่กฎหมายที่เขียนไว้โดยตรงว่าให้สามารถบังคับให้เขาต้องตรวจเลือดได้  เว้นแต่คุณจะแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา อาจบังคับให้เขาตรวจเลือดเพื่อพิสูจน์ได้ แต่เวลาล่วงเลยมากว่า 2  ปี แม้ยังไม่ขาดอายุความแต่พยานหลักฐานคงหาได้ยาก และก็เป็นที่สงสัยว่าทำไมคุณไม่ดำเนินการตั้งแต่แรก อาจทำให้น้ำหนักความเชื่อถือของคุณลดลง เขาอาจพ้นผิดไปได้ง่ายๆก็เป็นได้  หรืออีกช่องทางหนึ่งคือถ้าเขาเป็นคนดัง  ที่กลัวเสียชื่อเสียงอาจยินยอมให้พิสูจน์เพราะสังคมกดดัน........

-ขอแนะนำให้คุณ  ก้มหน้าเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเองน่าจะดีกว่า เพราะการดำเนินการให้เขารับเด็กเป็นบุตรน่าจะไม่คุ้มค่า  แม้คุณจะสามารถทำได้สำเร็จ  ถ้าเขาจะใช้วิธีดื้อแพ่ง  โดยส่งค่าเลี้ยงดูบ้างไม่ส่งบ้าง  คุณคงปวดหัวไม่รู้จบ และเรื่องภรรยาเขาคงไม่ยอมรามือง่ายๆ  คุณคงไม่เป็นอันทำมาหากินเพราะคงถูกรังควานทุกวิถีทาง  คิดดูง่ายๆเขาอยู่กับคุณจนคุณตั้งครรภ์  พอภรรยาเขารู้ระแคะระคาย  เขาทิ้งคุณไปโดยไม่ไยดี  แสดงว่าภรรยาเขามีอิทธิพลต่อเขาอย่างมาก   ถ้าคุณมาจับประเด็นให้เขารับรองบุตรคุณคงไม่อยู่เป็นสุขแน่นอน  เชื่อคนแก่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเถอะครับ

ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ

อยากทราบว่าถ้าโทรศัพท์เราได้ถูกขโมยไปขาย  ตั้งแต่เดือนมิ.ย.50  ทางเรารู้ตัวคนที่เอา และก็ได้ติดตามเขามาชดใช้  โดยที่เราไม่ได้แจ้งความ  เพื่อที่จะให้มาชดใช้เงินส่วนนี้  และเขาได้ผ่อนส่งเงินมาได้เพียงสองงวด  แล้วเขาก็ไม่ส่งต่อ  คือเราได้ตั้งราคาโทรศัพท์มือถือไว้ที่ 8000 บาท เขาได้ส่งมาแค่ 2000 บาท แล้วเขาไม่ผ่อนส่งต่อ โดยทางเราได้แจ้งความไว้เพื่อเรียกเขามาไกล่เกลี่ย แต่ทางเขาไมยอมจ่ายทั้งๆที่เขามีเงินเดือน มีงานทำเดือนละเป็นหมื่น แต่ตัวผมกำลังศึกษาอยู่ เราสามารถใช้ทนายกลางได้ไหมคับ ??? เสียเงินค่าขึ้นศาลเท่าไหร่คับ ???แล้วพอจะมีวิธีใดที่จะเอาผิดเขาได้บ้างคับ ??? เพราะทางเขาได้ให้เพื่อนๆของเขาโทร.มาด่าผมบ้าง พ่อแม่ผมบ้าง โดยไม่ยอมเลิกรา แล้วจะมีวิธีใดไหมคับที่จะได้เงินจากเขาคืน  เพราะเราไม่สามารถจะแจ้งความว่าลักทรัพย์ได้แล้ว เพราะได้ตกลงว่าจะส่งเงินคืนแทนโทรศัพท์ ผมจะต้องทำอย่างไรดีคับ ?????